ขึ้นราคา NGV 1 บาท/กก. จาก 15.59 เป็น 16.59 บาท กระทบคนตัวเล็ก

ราคา NGV ขึ้น 1 บาท/กก. จาก 15.59 เป็น 16.59 บาท กระทบค่าครองชีพประชาชนคนตัวเล็กแล้ว กนง. ต้องไม่ขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มภาระให้ประชาชนอีก

วันที่ 17 กันยายน 2565 นายสุพันธุ์ มงคลสุธี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่าการขึ้นราคาก๊าซ NGV ขึ้น 1 บาท เป็น 16.59 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2565 แน่นอนว่าจะทำให้ต้นทุนการผลิตและขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น และทำให้ราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคสูงขึ้นไปอีก ในอนาคต หากรัฐไม่มีมาตรการตรึงราคาพลังงานหรือหาทางลดราคาพลังงานลง จะทำให้ค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้นไปอีก เพราะคาดการณ์กันว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 28 กันยายนนี้ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกรอบเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และไม่ให้มีช่องว่างอัตราดอกเบี้ยที่ต่างกันเกินไปกับต่างประเทศ ซึ่งหากมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกรอบจริง จะซ้ำเติมประชาชนคนตัวล็กมากขึ้น เพราะจะต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นอีก ทั้งจากราคาก๊าซ ราคาค่าไฟและดอกเบี้ยที่จะปรับขึ้น

ปัญหาเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่สูงขึ้นในปัจจุบันนั้น มีสาเหตุหลักมาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น เพราะพลังงานถือเป็นต้นทุนหลักในห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด หากดูดัชนีราคาผู้บริโภค 8 เดือนแรกของปี 2565 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจะพบว่าเพิ่มขึ้นกว่า 6.14 % หมายความว่าค่าครองชีพเพิ่มขึ้นสูงมาก แม้จะมีการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ แต่การขึ้นราคาก๊าซ NGV นั้นก็ทำให้ต้นทุนการขนส่งเพิ่มขึ้นเช่นกัน เพราะปัจจุบันรถบรรทุกที่ใช้ขนส่งสินค้านั้นใช้ทั้งเชื้อเพลิงดีเซลและ NGV ร่วมกัน ทำให้ต้นทุนในการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นและจะส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพและราคาสินค้าเป็นลำดับต่อไป


ดังนั้น สิ่งที่รัฐต้องทำคือการกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจให้เศรษฐกิจเดินต่อไป ให้ประชาชนมีเงินในกระเป๋า การขึ้นราคาพลังงาน ค่าไฟฟ้า และดอกเบี้ย นั้นนอกจากจะเพิ่มภาระให้ประชาชนแล้วยังจะชะลอการลงทุนที่กำลังจะกลับมาออกไปอีก อาจทำให้ภาคธุรกิจโดยเฉพาะ SMEs จำนวนมากที่กำลังจะกลับมาหลังจากวิกฤตโควิด-19 อาจจะต้องชะลอแผนการกลับมาเปิดกิจการ หรือ ขยายกิจการเพราะไม่สามารถแบกรับต้นทุนได้ รัฐจึงควรที่จะตรึงหรือหาทางลดราคาพลังงาน และ ตรึงอัตราดอกเบี้ยออกไปอีกสักระยะ เพื่อให้การใช้จ่ายและการลงทุนในประเทศกลับมาก่อน เพื่อเป็นการให้โอกาสคนตัวเล็กได้กลับมายืนให้ได้และไม่เพิ่มภาระให้กับประชาชนไปมากกว่านี้