ไทยออยล์ ดีล “มิตซุย-อินโดรามา” ผุดไบโอเจ็ต พลาสติกชีวภาพ

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

“ไทยออยล์” เตรียมปิดดีลแผนลงทุน New S-curve กับ 2 บิ๊กพาร์ตเนอร์ “มิตซุย-อินโดรามา” ปลายปี 2565 เพิ่มสัดส่วนกำไรเป็น 10% จ่อผุดโครงการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพ (Biojet) และโครงการชีวเคมีรวมถึงพลาสติกชีวภาพ คาดสรุปแผนลงทุนปลายปี 2565 ด้านโครงการพลังงานสะอาด (CFP) คืบหน้าแล้ว 87% เชิงพาณิชย์ได้ปี 2567

วันที่ 22 กันยายน 2565 นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า ตามแผนการปรับพอร์ตธุรกิจในอนาคต ไทยออยล์ตั้งเป้าที่จะปรับสัดส่วนกำไร (EBIDA) ในปี 2030 (2573) จาก 4 ธุรกิจ โดยเป็นธุรกิจปิโตรเลียม (โรงกลั่น) สัดส่วนเป็น 40% ธุรกิจปิโตรเคมี 40% ธุรกิจไฟฟ้า 10% และธุรกิจใหม่ New S-curve 10% ซึ่งการเน้นไปสู่ธุรกิจใหม่ที่เป็น New S-curve เพื่อกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปสู่ธุรกิจที่มีความผันผวนต่ำ

โดยธุรกิจ New S-curve วางไว้ 2 รูปแบบ คือ การลงทุนในธุรกิจใหม่ผ่านการร่วมทุน (Joint Venture : JV) และการควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisition : M&A) ในธุรกิจที่มีศักยภาพมีโอกาสเติบโตสูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะธุรกิจแห่งอนาคตที่เป็นเมกะเทรนด์ คือ

1.Biotecnology หรือธุรกิจชีวภาพ อย่างโครงการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพ (Biojet) ซึ่งมีการหารือกับพาร์ตเนอร์รายใหญ่อย่างมิตซุยของญี่ปุ่นไว้ ส่วนโครงการชีวเคมี (Biochemicals) และโครงการผลิตพลาสติกชีวภาพ (Bioplastics) เจรจากับทางอินโดรามา ซึ่งการเจรจากับพาร์ตเนอร์เหล่านี้เพื่อจับมือต่อยอดธุรกิจร่วมกัน คาดว่าจะสรุปแผนการลงทุนดังกล่าว ทั้งขนาดไซซ์และเงินลงทุนภายในสิ้นปี 2565 นี้

2.New Energy and Mobility หรือธุรกิจพลังงานรูปแบบใหม่ การเดินทางและการขนส่ง เช่น โครงการผลิตไฮโดรเจนสีเขียว ความบริสุทธิ์สูง (Green Hydrogen) และเทคโนโลยีการดักจับ และการใช้ประโยชน์และกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage : CCUS)


สำหรับความคืบหน้าโครงการพลังงานสะอาด (CFP) เป็นโครงการที่เพิ่มประสิทธิภาพโรงกลั่นและขยายกำลังการกลั่นจาก 2.75 แสนบาร์เรล/วัน เป็น 4 แสนบาร์เรล/วัน และเป็นการสนับสนุนกลยุทธ์ในส่วนของ Value Maximization เพื่อสร้างเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งในการต่อยอดไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง
โครงการดังกล่าวมีความคืบหน้าไปแล้ว 87% และคาดว่าจะสามารถทยอยเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2567 และสามารถดำเนินการพาณิชย์ได้เต็มรูปแบบในปี 2568