มนัญญา เล็งขอรัฐบาลปลดล็อกค่าใช้จ่ายจดทะเบียนแปลง GAP หนุนส่งออก

มนัญญา เล็งหารือรัฐบาลปลดล็อกค่าใช้จ่ายจดทะเบียนแปลง GAP หนุนส่งออกไทย ดันกรมวิชาการเกษตรรักษาแชมป์ส่งออกผลไม้คุณภาพตลาดจีน พร้อมจับมือ 2 หน่วยงาน MOU กัญชา กัญชง ทางการแพทย์-ลดก๊าซเรือนกระจก

วันที่ 3 ตุลาคม 2565 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า นโยบายเกษตรปลอดภัยของกรมวิชาการเกษตรถือว่าประสบความสำเร็จ เนื่องจากในแต่ละปีมีเกษตรกรยื่นขอจดทะเบียนแปลงการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) และแปลง GAP อินทรีย์เพิ่มขึ้น

ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯ เล็งเห็นถึงปัญหาการแบกภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายการขอขึ้นทะเบียนแปลง GAP ของเกษตรกร ซึ่งต้องยื่นขอตรวจและเสียค่าใช้จ่ายในอัตราที่รัฐประกาศ ภายหลังมีการถ่ายโอนการตรวจรับรองแปลงให้เอกชนตามมติ ครม.เก่า

               

ล่าสุด จึงเตรียมหารือรัฐบาลเพื่อหามาตรการที่จะช่วยลดภาระให้กับเกษตรกรที่ประสงค์จะขึ้นทะเบียนแปลง GAP โดย หากมีการขึ้นทะเบียนแปลง GAP ได้เพิ่มขึ้น จะเป็นการสนับสนุนการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย ทำรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างมาก

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2565 กรมวิชาการเกษตรมีเป้าหมายในการดำเนินการตรวจสอบแหล่งผลิตพืชจำนวน 100,000 แปลง ตรวจได้ 123,764 แปลง ครอบคลุมพื้นที่ 539,600 ไร่ ซึ่งเกินเป้าหมายไปแล้ว 20% ในส่วนของการรับรอง GAP สะสม ปี 2547-2565 (31 ก.ค. 65) จำนวน 287,053 แปลง พื้นที่ 1,837,162 ไร่ รับรองแปลงอินทรีย์สะสม ปี 2547-2565 จำนวน 2,999 แปลง พื้นที่ 18,765 ไร่

ทั้งนี้ เนื่องในวันสถาปนากรมวิชาการเกษตร นโยบายในปี 2566 นี้ กระทรวงเกษตรฯ มุ่งมั่นที่จะเดินหน้าให้ประเทศไทยเป็นเมืองเกษตรปลอดภัย ลด ละ เลิก สารเคมี โดยกำชับให้กรมวิชาการเกษตรเดินหน้าศึกษาวิจัยในการใช้สารชีวภัณฑ์ทดแทนการใช้สารเคมี

ซึ่งขณะนี้กรมมีความพร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงให้ความรู้แก่เกษตรกรในการผลิตสารชีวภัณฑ์ พร้อมทั้งกำชับให้กรมเป็นหน่วยงานที่กำหนดหลักเกณฑ์เพื่อให้ทุกฝ่ายปฏิบัติ เดินหน้าวิจัย และพัฒนาพันธุ์พืชที่เป็นความต้องการของตลาด มีผลผลิตต่อไร่สูง สามารถต้านทานโรคพืชและโรคแมลงได้

อีกทั้งขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ โดยเฉพาะในการส่งออกผลไม้ไทยเพื่อรักษาแชมป์การส่งออกอันดับ 1 ในตลาดประเทศจีน ตลอดจนสนับสนุนให้กรมวิชาการเกษตรนำผลงานวิจัยที่ประสบความสำเสร็จไปขยายผลให้เกษตรกร หรือภาคเอกชนได้ใช้ประโยชน์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ ภายใต้นโยบายตลาดนำการวิจัย

ด้านนายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันสถาปนากรมวิชาการเกษตร ครบรอบ 50 ปี กรมวิชาการเกษตร จึงได้จัดให้มีพิธีลงนามความร่วมมือร่วมกับ 2 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ 1) พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการก๊าซเรือนกระจก ระหว่าง กรมวิชาการเกษตร กับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)

โดยมีอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กับนายรองเพชร บุญช่วยดี รองผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ร่วมลงนาม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายผลักดันเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว BCG ให้เป็นกลไกที่สำคัญของการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย

ซึ่งจะก่อให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้ ความเข้าใจในความเสี่ยงที่ต้องรับมือและปรับตัวต่อผลกระทบที่เกี่ยวกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมไปถึงการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่จะนำไปสู่การพัฒนาระบบการปลูกพืชและการผลิตสินค้าเกษตร และ 2) พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อค้นคว้าวิจัยกัญชา กัญชง เพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์และเชิงพาณิชย์อย่างครบวงจร ระหว่างกรมวิชาการเกษตร กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กับ ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมลงนาม

ซึ่งเป็นความร่วมมือทั้งด้านวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ ระบบการผลิตกัญชาและกัญชง และทดสอบสายพันธุ์กัญชา “เพชรชมพู 1-5” ซึ่งทางศูนย์วิจัยยาเสพติด วิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาฯ มีความเชี่ยวชาญเรื่องยาเสพติด เป็นศูนย์ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO Collaborating Centre for Research and Training in Drug Dependence)