ไขความสำเร็จ “บิ๊กบลูฯ” เอเยนซี่ไทยปักหมุด สปป.ลาวยาว 16 ปี

ณฐอร มหิทธิกุล
สัมภาษณ์พิเศษ

ตลาดลาวเป็นตลาดที่นักลงทุนไทยเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น หลังจากที่มีการเปิดเส้นทางเชื่อมต่อรถไฟฟ้าจีน-ลาว เมื่อปลายปี 2564 สปป.ลาว ถือเป็นตลาดที่เติบโตและมีสายสัมพันธ์แนบแน่น สามารถส่งผ่านสินค้าข้ามพรมแดนไปสู่ตลาดที่มีมหาอำนาจ 1,300 ล้านคนได้

ดังนั้นในระหว่างที่รอจีนเปิดประเทศ นักลงทุนหลายชาติ โดยเฉพาะ “นักลงทุนไทย” ต่างมุ่งเดินทางไปสำรวจเส้นทางการค้าสายใหม่ เพื่อปักหมุดฐานผลิตในลาว ก่อนเคลื่อนย้ายสู่ตลาดจีนในอนาคต เพื่อทำความรู้จัก ตลาดสปป.ลาวให้มากขึ้น

“ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์ “ณฐอร มหิทธิกุล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท BigblueagencyLaos จำกัด นักลงทุนไทยที่เข้าไปร่วมลงทุนกับนักธุรกิจชาวลาว ทำธุรกิจเอเยนซี่มาอย่างยาวนานถึง 16 ปี มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในภาษาลาว เรียกบริษัทนี้ว่า “ฟ้าใหญ่ มีเดีย”

ซึ่งจากประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมากมายจนสามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ฟ้าใหญ่ มีเดีย เตรียมพร้อมเข้าเปิดซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ลาวปี 2566

Q : จุดเริ่มต้นธุรกิจ

บริษัทเริ่มก่อตั้งในปี 2006 ร่วมทุนกับพันธมิตร ซึ่งเป็นนักธุรกิจลาวที่มีความเชี่ยวชาญการทำธุรกิจในท้องถิ่น โดยบริษัทเราเริ่มทำธุรกิจด้านป้ายโฆษณากลางแจ้ง เริ่มที่แรก คือ ที่ตลาดเช้ามอลล์ หลังจากนั้นขยายสายงานมาเป็นเอเยนซี่ครบวงจร

โดยเริ่มทำธุรกิจด้านการวางแผนสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ทั้งใน สปป.ลาวและอาเซียน ในส่วนธุรกิจหลักคือ ป้ายโฆษณากลางแจ้งก็มีการขยายพื้นที่ไปในหลายจุดที่เป็นจุดสำคัญในหลายแขวงของ สปป.ลาว

ผลประกอบการตลอดในระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา โดยปกติรายได้จะอยู่ประมาณ 40-50 ล้านบาท ในช่วงโควิดก็ได้ลดลงบ้าง แต่ตอนนี้กลับมาดีขึ้นกว่าในช่วงก่อนโควิด

จากที่อยู่ลาวมา 16 ปี ตอนนี้เราเห็นความเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะอินฟราสตรักเจอร์ดีขึ้นมาก มีทางด่วนที่สามารถเดินทางจากเวียงจันทน์ไปวังเวียงได้เพียง 1.30 ชั่วโมง ที่สำคัญยังมีเส้นทางรถไฟจีน-ลาวเกิดขึ้น ทำให้มีนักลงทุนต่างชาติเดินทางมา สปป.ลาว มากขึ้น

Q : ผลกระทบจากโควิด

กระทบบ้างแต่น้อยมาก เพราะถึง สปป.ลาวจะปิดประเทศ แต่ตลาดภายในประเทศยังคึกคัก ต้องทำโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ทางเราทำป้ายโฆษณาทำสัญญาเป็นรายปี พอมีโควิดเกิดขึ้นเราก็ให้ความช่วยเหลือลูกค้า มีการเวฟให้ลูกค้าบ้าง ดูแลเขา ตอนนี้เริ่มกลับมาดีกว่าช่วงโควิดแล้ว มีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามามากขึ้น

Q : ความท้าทายธุรกิจเอเยนซี่ในลาว

เรื่องคู่แข่งก็มีบ้างเหมือนกัน โดยจะมีทั้งคู่แข่งบริษัทโลคอลที่เริ่มเกิดมากขึ้น และบริษัทลูกครึ่งไทย-ลาวแบบเราด้วย แต่เราอาศัยจุดแข็งที่มีพันธมิตรในลาว​ มีความเข้าใจในตลาดลาว ระบบการเมือง ลักษณะที่เป็นเนเจอร์ของตลาด ต้องวางนโยบายการทำงานต่าง ๆ อย่างถูกต้อง

เป็นไปตามระบบก็จะไม่มีปัญหา ทางบิ๊กบลูฯมีลูกค้าทั้งที่เป็นบริษัทไทยในลาว เช่น SCG นอกจากนั้นเรายังมีการขยายไปทำตลาดในประเทศอาเซียนอื่น ๆ เช่น ในกัมพูชา เช่น ทำให้ลูกค้าเลอโนโว ซีพี ออลล์ ก็จะมีเนเจอร์ที่ต่างกันไป คนละสไตล์ เรียกว่าแต่ละประเทศก็มีซิกเนเจอร์ของตัวเอง

Q : เทรนด์ความนิยมในลาวเป็นอย่างไร

การทำธุรกิจเอเยนซี่เราต้องสำรวจตลาด เช่น ในตอนนี้ชาวลาวมีความชื่นชอบศิลปินไทย เช่น น้องเจมส์ จิ (จิรายุ) กำลังมีละคร ชาวลาวก็ติดตามชมละครไทย กระแสนิยมก็จะคล้ายกัน นอกจากนักแสดงไทยจะเป็นที่ชื่นชอบแล้ว ก็มีนักแสดงไทยที่มาลงทุนทำธุรกิจที่ลาวหลายคน เช่น อั้ม อธิชาติ มาร่วมลงทุนจอยต์เวนเจอร์ตั้งบริษัทร่วมกัน ปลูกพลูคาวใน สปป.ลาว กำลังจะออกผลิตภัณฑ์ บริษัทนี้อยู่ภายใต้บิ๊กบลูฯ คาดว่าจะวางตลาดเร็ว ๆ นี้

Q : แผนเข้าตลาดปี’66

ตอนนี้บิ๊กบลูฯ มีแผนจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ลาว กำลังจะออก IPO ปีหน้า น่าจะประมาณไตรมาส 1 หรือ 2 ต้องเตรียมพร้อมหลาย ๆ ด้าน ซึ่งประเด็นนี้หุ้นส่วนมีส่วนสำคัญในการช่วยเยอะ ต่อให้เราเก่งอย่างไรก็ต้องจับคู่กับหุ้นส่วนที่ดีด้วย การมีพันธมิตรในลาวถือเป็นเรื่องสำคัญมาก

“ด้วยลักษณะของธุรกิจโฆษณาที่นี่จะมีกฎระเบียบในเรื่องของการขออนุญาตสัมปทานในแต่ละจุด เพื่อจะติดบิลบอร์ด ซึ่งเราสามารถขออนุญาตพื้นที่สัมปทานจุดที่เป็นทำเลสำคัญ ๆ ในลาว เช่น ตลาดเช้าเวียงจันทน์ การทำธุรกิจนี้ต้องมีรัฐบาลอนุญาตอย่างถูกต้อง ซึ่งแม้ว่าจะมีกฎระเบียบอย่างไร แต่ตลาดลาวถือเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจในการลงทุน และที่นี่หากฟอลโลว์ตาม rule การทำอะไรจะไปได้ง่าย”