“ดร.ศิริ” ขยับเลื่อนโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่-เทพา ออกไป 3 ปี ดันโรงไฟฟ้าชีวมวลเสริมระบบภาคใต้

2 ม.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ภายหลังจากที่กระทรวงพลังงานร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทบทวนแผนการพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ และโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา รวม 2,800 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ของประเทศ หรือ PDP ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น และได้ผลสรุปว่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ยังสามารถรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาคใต้ได้ 2 แนวทางคือ 1) เพิ่มจำนวนและชนาดของสายส่งแรงดันสูง เชื่อมโรงไฟฟ้าหลักที่มีอยู่ในปัจจุบันคือทั้งโรงไฟฟ้าขนอมและจะนะ ส่งไปยังพื้นที่ใช้ไฟฟ้าบริเวณฝั่งอันดามัน และเชื่อมโยงสายส่งหลักจากภาคกลางที่ สถานีจังหวัดสุราษฎร์ธานี และ 2) พัฒนาระบบสายส่งและโรงงานไฟฟ้าชีวมวลใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ให้บริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอกับความต้องการใช้ในพื้นที่

ทั้งนี้ ตามแนวทางดังกล่าว ส่งผลให้มีเวลาเพิ่มขึ้นในการศึกษาและการตัดสินใจในโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้ง 2 โครงการคือ กระบี่และเทพาออกไปอย่างน้อย 3 ปี โดยในส่วนของโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ จะใช้เวลาในการศึกษาแบบประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือ EHIA ให้แล้วเสร็จ ในขณะที่โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพจะพิจารณาความเหมาะสมของพื้นที่ปัจจุบันและศึกษาทางเลือกในพื้นที่อื่นๆ ควบคู่กันไปด้วย โดยจะกำหนดให้โรงไฟฟ้าถ่านหินเป็นเพียงทางเลือก ไม่ใช่โรงไฟฟ้าหลัก

โดยดร.ศริ ได้กล่าวเสริมถึงการเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ว่า นอกเหนือจากการขยายระบบสายส่งแล้ว ควรจะต้องมีการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงไฟฟ้าชีวมวล (เศษไม้)ที่ มีศักยภาพค่อนข้างสูงจากปัจจุบันที่มีโรงไฟฟ้าประเภทดังกล่าวในพื้นที่ภาคใต้เพียง 50 เมกะวัตต์ ซึ่งเมื่อพิจารณาจากศักยภาพที่มีสามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 300 เมกะวัตต์ และมีแนวคิดว่าควรภาคเอกชนเป็นผู้ลงน่าจะมีความคล่องตัวกว่าการให้ภาครัฐดำเนินการ และแต่ละโครงการใช้เวลาก่อสร้างเพียง 2 ปีเท่านั้น