
เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2561 ที่มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ กสอ. จับมือกับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒจัดทำโครงการพัฒนาผู้ประกอบการ OTOP ก้าวสู่สังคมดิจิทัล ปีงบประมาณ 2561 โดยตั้งเป้าในปีนี้เพิ่มผู้ประกอบการเข้าโครงการอีก 310 ราย สร้างรายได้แตะ 10 ล้านบาท พร้อมเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0
กอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมกล่าวว่า ผู้ประกอบการโอทอปของประเทศไทยยังขาดโอกาสในการพัฒนาทักษะทางด้านเทคโนโลยีมาใช้ในการต่อยอดเพื่อตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของสังคม ดังนั้นโครงการพัฒนาผู้ประกอบการโอทอปก้าวสู่สังคมดิจิทัลนี้เป็นการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการให้สามารถผลิตสินค้าชุมชนและภูมิปัญญาท้องถิ่นให้มีคุณภาพ พร้อมสร้างมูลค่าแข่งขันได้ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงสร้างช่องทางการตลาดการขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ที่จะสามารถยกระดับให้ผู้ประกอบการโอทอปได้มากขึ้น
“ในสองปีที่ผ่านมานั้นมีผู้ประกอบการเข้ารับการอบรมจำนวนมากกว่า 1,000 รายและสามารถขายสินค้าบนตลาดออนไลน์มียอดขายรวมกว่า 40 ล้านบาทผ่านเว็บอีคอมเมิร์ซอย่าง Lazada,Alibaba,Etsy สำหรับในปีนี้มีเป้าหมายรับผู้ประกอบการทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการจำนวน 310 ราย”อธิบดีกสอ.กล่าว
ด้าน อ.ดร.ปรารถนา คงสำราญ หัวหน้าโครงการพัฒนาผู้ประกอบการ OTOP ก้าวสู่สังคมดิจิทัล กล่าวว่า เดิมกสอ.ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการโอทอปจำหน่ายสินค้าแบบมีหน้าร้าน นำสินค้าออกจำหน่ายตามงานต่างๆ แต่ในปัจจุบันสังคมออนไลน์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น การนำสินค้าโอทอปมาจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์จะให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง โดยในปีนี้ตั้งเป้าสร้างรายได้ยอดขายเกิน 10 ล้านบาท
สำหรับเกณฑ์ใครการคัดเลือกผู้ประกอบการเข้ารร่วมโครงการฯนั้น หัวหน้าโครงการฯระบุว่า ผู้ประกอบการโอทอปจะต้องมี 3 ดาวขึ้นไป และผู้ประกอบการต้องพร้อมในเรื่องของการใช้งานสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ในเบื้องต้น
“เราจะสอนให้ผู้ประกอบการเข้าไปดูในเว็บอีคอมเมิร์ซต่างๆ รวมทั้งเฟซบุ๊ก ไลน์แอด ว่ามีวิธีการใช้ การชำระเงินอย่างไร มีช่องทางไหนบ้างที่สามารถขายสินค้าได้โดยตรง” หัวหน้าโครงการฯระบุ
ขณะที่ในช่วงท้ายมีงานเสวนาพิเศษในหัวข้อ “OTOP กับก้าวสู่สังคมดิจิทัล” มีวิทยากรคือพีรวัศ กุลนันท์วัฒน์ คาคิสา สปริงเก็ตต์ และเจ้าของแบรนด์ MERCI โดยวิทยากรทั้งหมดให้ความเห็นตรงกันว่า การทำสินค้าโอทอป หรือสร้างแบรนด์ขึ้นมานั้นสิ่งที่ต้องมีคือ ความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า และมั่นใจในคุณภาพของสินค้า
ส่วนในด้านของการขายของออนไลน์นั้นภาพลักษณ์สินค้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะหน้าร้านของสินค้านั้นอยู่ในโลกออนไลน์ ทั้งนี้จะต้องหาจุดแข็งของตัวเองและสินค้าว่าคืออะไร จากนั้นให้นำจุดแข็งนั้นต่อยอดพัฒนาเพิ่มมศักยภาพการแข่งขันให้ได้ในอนาคต รวมทั้งจะต้องก้าวทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย