ผู้บริโภคโอดของไหว้ตรุษจีนแพงลิ่ว ดันเงินสะพัด 5.6 หมื่นล้าน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคช่วงเทศกาลตรุษจีน 2561 ในสัปดาห์หน้า โดยสำรวจประชาชน 1,200 ราย ระหว่างวันที่ 30 มกราคม-6 กุมภาพันธ์ 2561 พบว่า 63% ระบุว่าตรุษจีนปีนี้จะคึกคักมากกว่าปีก่อน อีก 24.4% ระบุคึกคักเท่าเดิม และ 12.6% ระบุคึกคักน้อยลง โดยส่วนใหญ่วางแผนไหว้เจ้า/บรรพบุรุษ และเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะปีนี้เดินทางไปต่างประเทศมากกว่าปีก่อนมาก

ในส่วนการใช้จ่ายซื้อสินค้า ส่วนใหญ่ 45.9% ระบุซื้อปริมาณเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ 57.6% ระบุใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจดีขึ้น ของแพงขึ้น มีรายได้และโบนัส 42.6% ระบุใช้จ่ายเท่าเดิมและลดลง เพราะต้องลดการใช้จ่ายตามรายได้ที่ลดลง มองภาวะเศรษฐกิจแย่ลง และวิตกเสถียรภาพทางการเมือง โดยคาดว่าเงินใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนทั้งการซื้อสินค้าและท่องเที่ยวประมาณ 56,860 ล้านบาท เป็นมูลค่าสูงสุดที่เคยทำการสำรวจมา 10 ปี แต่ขยายตัวเพียง 3.52% ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวต่ำสุดรอบ 6 ปี

“สาเหตุหลักมูลค่าใช้จ่ายตรุษจีนปีนี้สูงสุด ผลจากราคาสินค้าสูงขึ้น โดยผู้บริโภค 67.8% ระบุราคาสินค้าตรุษจีนปีนี้แพงขึ้น เพียง 15.7% ระบุราคาไม่เปลี่ยนแปลง สอดรับกับคำถามว่าสิ่งที่เป็นห่วงมากในตรุษจีนนี้อันดับแรกคือ การขึ้นราคาสินค้าที่จำเป็นสำหรับตรุษจีน ส่วนกลุ่มที่ใช้จ่ายลดลงเพราะกังวลเรื่องรายได้และเห็นว่าเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ทำให้ระมัดระวังการใช้จ่าย หากไม่กังวลเรื่องเศรษฐกิจและเศรษฐกิจไม่ได้ฟื้นตัวแบบกระจุกตัวอย่างตอนนี้ การใช้จ่ายตรุษจีนน่าจะขยายตัวได้สูง 5-6% เมื่อรวมการใช้จ่ายวันวาเลนไทน์และตรุษจีนปีนี้จะมีมูลค่าเกือบ 6 หมื่นล้านบาท กระทบต่อจีดีพีดีขึ้น 0.3%”

สำหรับสถานที่ที่ประชาชนอยากไปสักการะขอพรมากที่สุดคือ ศาลเจ้าพ่อเสือใน กทม, วัดเล่งเน่ยยี่ กทม., วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร กทม., วัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา และวัดบำเพ็ญจีนพรต กทม. เป็นต้น โดยพรที่ต้องการ อันดับแรกคือ อยากร่ำรวยเงินทอง ตามด้วยประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่ต้องการ อยากให้ทุกคนในครอบครัวมีสุขภาพแข็งแรง อายุยืน และมีความรัก ความสามัคคีกัน เป็นต้น ส่วนแผนท่องเที่ยวต่างประเทศปีนี้ อันดับแรกไปเที่ยวจีน รองลงมาคือฮ่องกง ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้

 


ที่มา : มติชนออนไลน์