“สนธิรัตน์”เปิดตัว “กาญจนบุรีโมเดล”จัดหนัก ขายสินค้าราคาถูก-ตลาดต้องชม

“สนธิรัตน์”เปิดตัว “กาญจนบุรีโมเดล”จัดหนัก ขายสินค้าราคาถูก -ตลาดต้องชม “ถนนคนเดินปากแพรก”ลดค่าครองชีพ 4–5 ล้านบาท สร้างโอกาสสร้างอาชีพ ดันเศรษฐกิจฐานรากเต็มที่ เล็งลุยต่ออีก 10 จังหวัดที่มีรายได้น้อย

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร เปิดตัวโครงการประชารัฐ “สร้างงาน สร้างตลาด สร้างโอกาส สร้างรายได้” ณ ศาลา 60 พรรษามหาราช จังหวัดกาญจนบุรี โดยได้ยืนยันกับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เกษตรกร ผู้ประกอบการชุมชนและประชาชนที่เข้าร่วมงานว่ากระทรวงฯ มีแผนที่จะเดินหน้าสร้างงานสร้างอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยต่อไป โดยจะมีการขยายการพัฒนาอาชีพ การทำธุรกิจผ่านแฟรนไชส์ ลงถึงจังหวัดและภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะใน 10 จังหวัดที่มีรายได้น้อย ได้แก่ แม่ฮ่องสอน นราธิวาส ปัตตานีกาฬสินธุ์นครพนม ชัยนาท ตาก บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ และน่าน

ทั้งนี้ ยังมีแผนที่จะช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนทั้งประเทศ โดยจะเร่งผลักดันให้มีจำนวนร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ เพิ่มอีก 2 หมื่นร้านค้า จากเดิมที่มีร้านค้าที่ติดตั้งเครื่องรูดบัตรไปแล้ว 2 หมื่นร้านค้า ซึ่งไม่เพียงแต่จะนำสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูกกว่าท้องตลาดไปจำหน่าย จะยังเพิ่มโอกาสให้มีการนำสินค้าของชุมชน สินค้าโอทอป และสินค้าจีไอ เข้าไปจำหน่ายในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ เพื่อช่วยเหลือผู้ผลิตให้มีช่องทางในการขายสินค้าและมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย

ขณะเดียวกัน จะหาทางเชื่อมโยงและสร้างโอกาสในการจำหน่ายให้กับสินค้าชุมชน โดยใช้ช่องทางการค้าออนไลน์เข้ามาช่วย และผลักดันให้มีการเชื่อมโยงนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในห้างค้าส่งค้าปลีกสมัยใหม่ ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าชุมชน ฟาร์มเอ้าเล็ต และตลาดที่อยู่ในการส่งเสริมของกระทรวงพาณิชย์

“การจัดงานครั้งนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ได้รับการ ตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เกษตรกร ผู้ผลิตสินค้าชุมชน และประชาชนทั่วไป ที่ได้เดินทางเข้ามาร่วมงาน โดยมีทั้งการแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเฟส 2 การขอคำปรึกษาและแนะนำกิจกรรมสร้างอาชีพ ทั้งการเริ่มต้นทำธุรกิจ การค้าขายออนไลน์ การฝึกอาชีพ เช่น การทำร้านอาหาร เสริมสวย และแม่บ้าน และการลงทุนในโครงการแฟรนไชส์เพื่อสร้างอาชีพ รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมการให้คำแนะนำการเชื่อมโยงตลาด เข้าสู่ตลาดโมเดิร์นเทรด เพื่อสร้างโอกาสในการนำสินค้าชุมชนเข้าไปจำหน่ายในห้างกันเป็นจำนวนมากด้วย”

นอกจากนี้ ประชาชนยังได้สนใจเข้าชมการแสดงตัวอย่างความสำเร็จและนำการฝึกอบรมอาชีพ เช่น ระบบน้ำหยด อุปกรณ์ท่อน้ำ การนวดแผนไทย การทำปาท่องโก๋ การทำการบูร พิมเสนน้ำ การทำสบู่ การเลี้ยงโคเนื้อครบวงจร การแสดงฟาร์มเลี้ยงถั่งเช่า การแสดงผลิตภัณฑ์ของกลุ่มราษฎร การพัฒนาน้ำแร่ ของอำเภอทองผาภูมิ รวมทั้งให้ความสนใจเข้าขอรับคำปรึกษาด้านแหล่งเงินทุน เช่น สินเชื่อเพื่อธุรกิจ แฟรนไชส์ สินเชื่อสตรีทฟู้ด การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ กับธนาคารที่เข้าร่วม ทั้ง ธ.ก.ส. , ธนาคาร SME , บสย. และธนาคารออมสิน

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ยังได้เปิดงาน “มหกรรมธงฟ้าลดค่าครองชีพประชาชน” โดยมีการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้ามากถึง 120 คูหา เป็นสินค้าจากเกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย ชุมชน และสินค้าจากผู้ผลิต เช่น สินค้าเกษตร สินค้าท้องถิ่น โอทอป สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก แชมพู อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงรสเครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น ซึ่งมีราคาลดเป็นพิเศษ 20–40% โดยมีสินค้าไฮไลต์ 5 ชนิด 6 รายการ ได้แก่ ไข่ไก่เบอร์ 2 ราคาปกติแผง (30 ฟอง) ละ 90 บาท ลดเหลือแผงละ 40 บาท , เนื้อสุกรชำแหละ (เนื้อแดง) ราคาปกติกิโลกรัมละ 110 บาท ลดเหลือกิโลกรัมละ 60 บาท ,เนื้อไก่ (น่องติดสะโพก) ราคาปกติกิโลกรัมละ 63 บาท ลดเหลือกิโลกรัมละ 35 บาท , น้ำตาลทราย ราคาปกติกิโลกรัมละ 22.50 บาท ลดเหลือกิโลกรัมละ 16 บาท, น้ำมันพืชปาล์มบรรจุขวด (1 ลิตร) ราคาปกติขวดละ 37 บาท ลดเหลือขวดละ 22 บาท และน้ำมันพืช ถั่วเหลืองบรรจุขวด (1 ลิตร) ราคาปกติขวดละ 45 บาท ลดเหลือขวดละ 25 บาท และยังมีอาหารปรุงสำเร็จราคาประหยัดจากร้านอาหารหนูณิชย์ ราคาไม่เกิน 25-35 บาทมาจำหน่ายด้วย

โดยคาดว่าจะมีประชาชน เข้าร่วมงาน 10,000 คน มีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าประมาณ 10 ล้านบาท ลดค่าครองชีพประชาชน ได้ประมาณ 4–5 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้เปิดพื้นที่ทางวัฒนธรรมและเยี่ยมชมตลาดประชารัฐต้องชม “ถนนคนเดินปากแพรก” อำเภอเมือง ซึ่งถือเป็นตลาดต้องชมอีกแห่งหนึ่งที่กระทรวงฯ ได้เข้าไปสนับสนุน