ปตท.สผ. เผยกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 569 ล้านดอลลาร์ สรอ.เตรียมจ่ายเงินปันผล 1.50 บาทต่อหุ้น

ปตท.สผ. เผยกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 569 ล้านดอลลาร์ สรอ. เตรียมจ่ายเงินปันผล 1.50 บาทต่อหุ้น พร้อมรุกธุรกิจ LNG

27 กรกฎาคม 2560 นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ได้ประกาศกำไรสุทธิสำหรับครึ่งปีแรกที่ 569 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (ดอลลาร์ สรอ.) และจ่ายเงินปันผลที่อัตราหุ้นละ 1.50 บาท นอกจากนี้ ปตท.สผ. และ ปตท. ได้จัดตั้งบริษัท PTT Global LNG (PTTGL) เพื่อรุกธุรกิจ LNG ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตตามความต้องการใช้พลังงานของประเทศ ซึ่งโครงการแรกเป็นการลงทุนในโรงงานแปรรูปก๊าซธรรมชาติเป็นก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Liquefaction) ในประเทศมาเลเซีย

สำหรับในครึ่งแรกของปี 2560 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 2,121 ล้านดอลลาร์ สรอ. (73,693 ล้านบาท) ปรับลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยของบริษัทปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 38.04 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ สูงขึ้นประมาณร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยปรับตัวลดลงมาร้อยละ 10 อยู่ที่ 292,709 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จาก 325,257 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยหลักมาจากปริมาณการขายที่ลดลงของโครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย การหยุดผลิตชั่วคราวของโครงการเอส 1 จากปัญหาข้อกฎหมายเรื่อง ส.ป.ก. รวมถึงผลกระทบจากการเรียกรับก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่ลดลงจากการที่ราคา LNG ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ ปตท.สผ. ยังสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ตามเป้าหมายที่ 28.29 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่งผลให้ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2560 ปตท.สผ. มีกำไรสุทธิ 569 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 19,820 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 100 เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิ 232 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 8,286 ล้านบาท) โดยเป็นกำไรจากการดำเนินงานตามปกติ (Recurring Net Income) จำนวน 378 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 13,154 ล้านบาท) และกำไรจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (Non-recurring) จำนวน 191 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 6,666 ล้านบาท)

จากผลการดำเนินงานข้างต้นส่งผลให้ฐานะทางการเงินของ ปตท.สผ. ยังแข็งแกร่ง โดยมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) สูงถึงร้อยละ 71 และมีสินทรัพย์ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 จำนวน 18,872 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 641,314 ล้านบาท) โดยเป็นส่วนของเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นรวม 4,206 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่า 142,913 ล้านบาท) ในขณะที่มีหนี้สินที่มีดอกเบี้ยเพียง 2,874 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 97,665 ล้านบาท)

“ปตท.สผ. ได้ติดตามสถานการณ์ภาวะตลาดและเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และพยายามอย่างเต็มที่ในการเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของน้ำมันดิบและคอนเดนเสทเพื่อทดแทนปริมาณการขายที่ลดลงจากโครงการในอ่าวไทย พร้อมทั้งเร่งการสำรวจ ขุดเจาะ พัฒนาโครงการที่มีอยู่ ได้แก่ โครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน โครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ และแหล่งอุบลในโครงการคอนแทร็ค 4 รวมทั้งเตรียมความพร้อมในการประมูลแหล่งสัมปทานในอ่าวไทยที่กำลังจะหมดอายุทั้งในส่วนของแหล่งบงกช และแหล่งเอราวัณที่ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับผู้ดำเนินการ ซึ่งทั้งหมดนี้เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตและปริมาณสำรองทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดย ปตท.สผ. ยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพและควบคุมต้นทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับบริษัทน้ำมันอื่นได้” นายสมพรกล่าว

นอกจากนี้ ปตท.สผ. ได้เร่งขยายโอกาสการลงทุนอย่างต่อเนื่องตามกลยุทธ์ของบริษัทที่มองหาโอกาสการลงทุนใน LNG Value Chain ซึ่งเห็นได้จากการที่ ปตท.สผ. และ ปตท. ร่วมจัดตั้งบริษัท PTTGL เพื่อรุกธุรกิจ LNG โดยโครงการแรกเป็นการเข้าซื้อสัดส่วนร้อยละ 10 จาก Petronas ในโครงการ MLNG Train 9 ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นโรงงาน LNG Liquefaction ที่มีกำลังการผลิตปัจจุบัน 3.6 ล้านตันต่อปี และเป็นการสร้างฐานทางธุรกิจสำหรับรองรับการขยายการลงทุนในประเทศมาเลเซียในอนาคต รวมถึงแสวงหาโอกาสการลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมอื่นๆ

ปันผลระหว่างกาล 1.50 บาทต่อหุ้นจากผลประกอบการและสถานะทางการเงินดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานของ ปตท.สผ. งวด 6 เดือนแรกปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท ซึ่งการพิจารณาจ่ายเงินปันผลสอดคล้องกับนโยบายการให้ผลตอบแทนที่มั่นคงแก่ผู้ถือหุ้น โดยบริษัทกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 11 สิงหาคม 2560 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 สิงหาคม 2560