กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติเร่งหาเชื้อเพลิง หวังลดผลกระทบต้นทุนผลิตไฟฟ้า ภาระค่าไฟฟ้าของประชาชน ชี้ราคาพลังงานโลกวิกฤต Spot LNG ยังผันผวนลุ้นกำลังผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย กลับมาสู่ระดับปกติที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ได้ใช้ช่วงเดือน เม.ย. 2567 ช่วยลดค่าไฟ
วันที่ 27 ธันวาคม 2565 นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า กรมมีแผนงานสำคัญด้านการจัดหาเชื้อเพลิงพลังงานที่ต้นทุนไม่สูง ทั้งจากแหล่งในประเทศและเพื่อนบ้าน ซึ่งมีส่วนช่วยลดผลกระทบต้นทุนเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าและภาระค่าฟ้าของประชาชน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- ราคาทองวันนี้ (17 เม.ย. 67) ปรับ 8 ครั้ง ขึ้น 450 บาท รูปพรรณบาทละ 42,150 บาท
- ตรวจหวย ใบตรวจหวย ผลรางวัล สลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน 2567
โดยเฉพาะการจัดหาเชื้อเพลิงพลังงานจากแหล่งในประเทศ ซึ่งมีต้นทุนการผลิตต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับเชื้อเพลิงประเภทอื่น ๆ และการนำเข้าจากต่างประเทศในสถานการณ์ราคาพลังงานโลกวิกฤตและราคา Spot LNG มีความผันผวนสูง
โดยในปี 2565 ที่ผ่านมาแหล่งเอราวัณและแหล่งบงกช ได้สิ้นอายุสัมปทานและได้เปลี่ยนผ่านจากระบบสัมปทานเป็นระบบแบ่งปันผลผลิตครั้งประวัติศาสตร์ซึ่งกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้ติดตามการดำเนินงานในช่วงเปลี่ยนผ่านอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ดี การผลิตของแหล่งเอราวัณที่ไม่สามารถผลิตได้ตามเป้าในช่วงแรกของสัญญา เนื่องจากการเจรจาระหว่างผู้รับสัญญารายใหม่และผู้รับสัมปทานรายเดิมเกี่ยวกับข้อตกลงในการเข้าพื้นที่ และการเจาะหลุมเพื่อเตรียมการผลิตปิโตรเลียมเป็นการล่วงหน้า ล่าช้ากว่าแผน
แต่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้บริหารจัดการโดยประสานผู้รับสัมปทานรายเดิมและผู้รับสัญญารายใหม่ให้ผลิตอย่างเต็มความสามารถของแต่ละแหล่ง จัดทำธรรมชาติเข้าระบบ
กำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยกลับสู่ระดับปกติ
ล่าสุด ปตท.สผ.ได้รายงานว่ากำลังผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยจะกลับมาสู่ระดับปกติที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ได้ใช้ช่วงเดือน เม.ย. 2567 จากปัจจุบันมีกำลังผลิตกว่า 200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และจะขึ้นมาที่ 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เดือน ก.ค. 2566 และไปที่ 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งหากกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจะมีส่วนช่วยทำให้ค่าไฟดีขึ้น แต่ด้วยภาระเงินค้าง กฟผ.ที่มีก็ต้องให้ กฟผ.ด้วย
“ก่อนหน้านี้ได้จัดทำสัญญาซื้อขายก๊าซเพิ่มเติมในแหล่งที่มีศักยภาพ (แหล่งอาทิตย์ แปลง B8/32 แปลง B-17 C-19 และแปลง B-17-01) ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย จัดหาก๊าซเพิ่มจากแหล่งยาดานาในประเทศเมียนมา จะทำต่อเนื่องไปถึงปี 2566 ทบทวนแผนการจัดหาก๊าซร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นระยะและวางแนวทางการบริหารจัดการการจัดหาก๊าซเติมเข้าระบบและเร่งรัดการลงทุนในแปลง G1/61 เพื่อเพิ่มกาลังการผลิตให้เป็นไปตามเป้าโดยเร็ว
โดยแหล่งบงกช/บงกชใต้ ในแปลง 16-17 จะมีการเปลี่ยนผ่านจากระบบสัมปทานเป็น PSC (แปลง G2/61) ซึ่งจะทำให้ราคาก๊าซปรับลดลง อีกทั้งจัดหาก๊าซเพิ่มจากแหล่งอาทิตย์ แปลง B-17&C-19 และแปลง B17-01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย และแหล่งยาดานาในประเทศเมียนมา โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดหาก๊าซเพิ่มเติมจากพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย และแหล่งก๊าซ ในประเทศเมียนมาที่คาดว่าจะมีศักยภาพในอนาคต”
เปิดให้ยื่นขอสิทธิสำรวจ-ผลิตปิโตรเลียมเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ปี 2566 กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจะจัดทำและทบทวนแผนการจัดหาก๊าซธรรมชาติร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องเป็นระยะ ๆ พร้อมทั้งจัดหาก๊าซธรรมชาติเข้าระบบเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง กำกับดูแลผู้รับสัมปทานและผู้รับสัญญาในการจัดหาก๊าซธรรมชาติและการหยุดซ่อมบำรุงให้เป็นไปตามแผน โดยในระยะยาว กระทรวงพลังงานมีนโยบายส่งเสริมการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม
โดยมีการเปิดให้ยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม เพื่อความมั่นคงเพิ่มเติม ได้แก่ การเปิดให้ยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่ (รอบที่ 24) จำนวน 3 แปลง ในบริเวณทะเลอ่าวไทย มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 35,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติอยู่ระหว่างการพิจารณาคำขอการพิจารณาคำขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม
นอกจากนั้น ด้านการดำเนินงานและพัฒนา เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์และการกักเก็บคาร์บอน (CCUS) ในชั้นหินทางธรณีวิทยาของประเทศไทย จะเร่งผลักดันการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี CCUS
ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและมีประสิทธิภาพสูงในการจัดการ CO2 เพื่อเป็นไปตามนโยบายการมุ่งสู่เศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำ การดำเนินงานด้าน CCUS ในฐานะอนุกรรมการและเลขานุการคณะอนุกรรมการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้านการขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจก
ปัจจุบันมีการดำเนินงานด้าน CCUS ในประเทศ 23 โครงการ มีโครงการนำร่องที่สำคัญ ได้แก่ โครงการอาทิตย์ตั้งอยู่ในอ่าวไทย นอกชายฝั่งจังหวัดสงขลา จะเริ่มอัด CO2 ได้จริงภายในปี ค.ศ. 2026 โครงการพื้นที่อ่าวไทยตอนบน
คาดว่าจะมีศักยภาพในการกักเก็บ CO2 ในชั้นหินอุ้มน้ำเค็ม เพื่อจัดการ CO2 ที่มีการปลดปล่อยบริเวณพื้นที่จากนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออกของประเทศ และโครงการแอ่งแม่เมาะและแอ่งลำปาง จังหวัดลำปาง โดยร่วมกับกรมการพลังงานทหาร กฟผ. ปตท.สผ. และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศึกษาพื้นที่ศักยภาพเพื่อใช้ในการกักเก็บ CO2 จากโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ