“ราชบุรีโฮลดิ้ง” กำไร 6,107 ล้านบาท เตรียมเงินลงทุน 25,000 ล้านบาท ขยายธุรกิจปี 2561

บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) แถลงผลการดำเนินงานปี 2560 มีกำไร จำนวน 6,107 ล้านบาท ลดลง 1% จากปี 2559 เนื่องจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายอื่นๆ (ไม่รวมต้นทุนค่าเชื้อเพลิง) เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี รายได้จากส่วนแบ่งกำไรของกิจการร่วมค้า ได้เติบโตขึ้น 23% เป็นเงินจำนวน 3,577 ล้านบาท เป็นผลจากโรงไฟฟ้าหงสา มีประสิทธิภาพความพร้อมจ่ายดีขึ้น และบริษัทฯ รับรู้รายได้ในปีนี้ จำนวน 2,018 ล้านบาท สำหรับเป้าหมายและทิศทางปี 2561 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 8,250 เมกะวัตต์หรือเทียบเท่า หรือ 12% จากปัจจุบัน คิดเป็น 870 เมกะวัตต์หรือเทียบเท่า พร้อมทั้งจัดเตรียมเงินสำรองจำนวน 25,000 ล้านบาท เพื่อเดินหน้าพัฒนาและก่อสร้างโครงการที่มีอยู่ และโครงการใหม่ที่จะลงทุนในปีนี้

นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การดำเนินงานปี 2560 ยังสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง โดยรายได้จากส่วนแบ่งกำไรของกิจการร่วมค้า และค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าหลัก เพิ่มขึ้น 23% และ 11% ตามลำดับ แม้กำไรจะปรับลดลงเล็กน้อยจากปีที่ผ่านมา

บริษัทฯ ประมาณการเงินปันผลสำหรับผู้ถือหุ้นปี 2560 จำนวน 3,480 ล้านบาท (2.40 บาทต่อหุ้น) คิดเป็น 57% ของกำไรทั้งปี เมื่อกันยายนปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จำนวน 1,667.50 ล้านบาท (1.15 บาทต่อหุ้น) สำหรับส่วนที่เหลือจะนำเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 5 เมษายน 2561 เพื่อพิจารณาและอนุมัติต่อไป

“จากเป้าหมาย 8,250 เมกะวัตต์ที่วางไว้ในปีนี้ บริษัทฯ จะเน้นการลงทุนใน 3 ธุรกิจ คือ ผลิตไฟฟ้า โครงสร้างและสาธารณูปโภคพื้นฐาน และเชื้อเพลิง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีโครงการที่สนใจและมีความเป็นไปได้ที่จะลงทุน 6 โครงการ รูปแบบการลงทุนจะเพิ่มน้ำหนักการซื้อกิจการหรือโครงการที่ดำเนินการแล้ว ซึ่งตั้งเป้าไว้ที่ 370 เมกะวัตต์ เพื่อให้มีรายได้และกระแสเงินสดสม่ำเสมอและมั่นคงยิ่งขึ้น ส่วนการลงทุนแบบกรีนฟิลด์จะยังดำเนินการต่อเนื่องและคาดหมายเพิ่มการลงทุนให้ได้ 500 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมงบลงทุนประมาณ 25,000 ล้านบาทสำหรับลงทุนในโครงการเดิมที่มีอยู่แล้ว 15,000 บาท และโครงการใหม่อีก 10,000 ล้านบาท ซึ่งวางแผนจะใช้ทั้งเงินสดคงเหลือในกิจการและเงินทุนจากตลาดการเงิน” นายกิจจากล่าว

ด้านกำลังผลิตเชิงพาณิชย์ที่จะเดินเครื่องในปีนี้ มี 2 โครงการในออสเตรเลีย คือ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Collinsville กำลังผลิตติดตั้งตามการถือหุ้น 34 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกำหนดจะเดินเครื่องจำหน่ายไฟฟ้าได้ในเดือนกรกฎาคม และโรงไฟฟ้าพลังงานลม Mount Emerald กำลังผลิตติดตั้งตามการถือหุ้น 144.36 เมกะวัตต์ กำหนดเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ส่งผลให้กำลังผลิตเชิงพาณิชย์รวมของบริษัทฯ เพิ่มเป็น 6,674 เมกะวัตต์

สำหรับผลการดำเนินงานปี 2560 บริษัทฯ รับรู้ กำไรก่อนต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้ จำนวน 8,357.17 ล้านบาท รายได้รวม จำนวน 46,438 ล้านบาท โดยรายได้รวมที่ไม่รวมรายได้ค่าเชื้อเพลิง จำนวน 15,094 ล้านบาท ซึ่งรายได้ค่าความพร้อมจ่ายโรงไฟฟ้าราชบุรีและไตรเอนเนอจี้ รวมทั้งรายได้ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าหงสาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โครงสร้างรายได้ในปีนี้ มาจาก 3 แหล่งที่สำคัญ คือ รายได้จากการขายและบริการและรายได้ตามสัญญาเช่าการเงิน 70.6% ส่วนแบ่งจากกิจการที่ควบคุมร่วมกันและเงินปันผล 24.9% และรายได้จากดอกเบี้ยและอื่นๆ 4.5%

ฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 94,225 ล้านบาท หนี้สินจำนวน 30,944 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 63,281 ล้านบาท มีเงินสดและเงินลงทุน รวมจำนวน 10,011 ล้านบาท และกำไรสะสมจำนวน 51,452 ล้านบาท