ปิ่นทอง ทุ่ม 2,500 ล้าน ขยายนิคมโครงการ 5 ชลบุรี อีก 1 พันไร่

นิคมอุตสาหกรรม

การนิคมอุตสาหกรรมฯ ลงนามบันทึกร่วมดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 5) ส่วนขยาย จังหวัดชลบุรี พื้นที่กว่า 1 พันไร่ เม็ดเงินลงทุนกว่า 2 พันล้านบาท สอดรับนโยบายพัฒนาพื้นที่ EEC ของรัฐบาล เปิดดำเนินการได้ไตรมาส 4 ปี 2567

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการ กนอ. หรือบอร์ด กนอ. อนุมัติให้ขยายพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 5) ส่วนขยาย จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ประมาณ 1,155 ไร่ ที่ตำบลเขาคันทรง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เป็นการขยายจากพื้นที่เดิมในที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) ซึ่งโครงการดังกล่าวสอดรับกับนโยบายการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ของรัฐบาล ที่วางเป้าหมายการลงทุนไว้ไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาทในปี 2566

“การพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายนี้ ส่งเสริมให้เกิดการยกระดับมาตรฐานระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกของนิคมอุตสาหกรรม โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย สู่การเป็นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (SMART I.E.) พื้นที่ประกอบการอัจฉริยะ (SMART I.Z.) เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการ สร้างความได้เปรียบในกระบวนการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์

วีริศ อัมระปาล
วีริศ อัมระปาล

รองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ลดความสิ้นเปลืองพลังงานและความสูญเสียของทรัพยากรที่มีจำกัด เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ นอกจากนี้ ยังได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี และหากอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคลเพิ่มอีก 50% เป็นระยะ 5 ปีอีกด้วย”

โครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 5) ปัจจุบันมีพื้นที่ทั้งสิ้น 1,540 ไร่ เมื่อรวมพื้นที่ส่วนขยายอีกประมาณ 1,155 ไร่ จะทำให้โครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 5) มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,695 ไร่ สำหรับพื้นที่ส่วนขยายนั้น จะใช้งบฯลงทุนประมาณ 2,500 ล้านบาท และคาดว่าพื้นที่ส่วนขยายจะสามารถเปิดดำเนินการได้ภายในไตรมาสที่ 4/2567

ทั้งนี้ โครงการมุ่งเน้นกลุ่มนักลงทุนเป้าหมายที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในกระบวนการผลิตเป็นหลัก เช่น อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วน โดยการออกแบบยังคงใช้แนวคิดพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) พร้อมทั้งจัดให้มีพื้นที่สีเขียว และพื้นที่แนวกันชนเชิงนิเวศ (Eco-Belt) รอบพื้นที่โครงการ

รวมถึงให้ความสำคัญกับการจัดการพลังงานทดแทน (Renewable Energy) โดยมีโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) และการให้บริการไฟเบอร์ออพติกใต้ดินเพื่อการเชื่อมต่อความเร็วสูงในโครงการด้วย

นอกจากนี้ยังมีนโยบายนำน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดแล้วมาใช้ใหม่ในโครงการเพื่อช่วยลดปัญหามลพิษ และเป็นการประหยัดพลังงาน ซึ่งจำเป็นต่อการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมของชุมชนโดยรอบให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน