ย่างก้าว “สยามคูโบต้า” มุ่งสู่ Global major brand

จากปี 2521 ที่บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่เกิดจากการร่วมทุนของคูโบต้า ประเทศญี่ปุ่น ถือหุ้น 60% และเครือซิเมนต์ไทย ถือหุ้น 40% ได้ผลิตเครื่องยนต์ดีเซลเครื่องแรกเพื่อจำหน่ายในไทย ในปีนี้สยามคูโบต้าฯจะครบรอบ 40 ปีพอดี ซึ่งทางบริษัทจะมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมายมอบให้กับลูกค้ามากขึ้น ผ่านศูนย์บริการ 200 แห่ง การจัดเซอร์วิส แคร์ ตรวจเช็กบำรุงรักษาเครื่องจักรพร้อมอะไหล่กว่า 7,000 รายการ นอกเหนือจากการจัดเซอร์วิส เดย์ ปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 7 วัน การจัดชิงโชครางวัล เมื่อซื้อสินค้าที่หลากหลายจากบริษัท

จึงไม่แปลกใจที่ยอดขายในแต่ละปีของสยามคูโบต้าฯจะค่อนข้างมั่นคงในระดับ 5 หมื่นล้านบาทขึ้นไป แม้จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกและราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ภาวะความแห้งแล้งติดต่อกันหลายปี ซึ่งในปี 2561 สยามคูโบต้าฯตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น 10% จากปี 2560 ที่ผ่านมามียอดขาย 51,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% แยกเป็นยอดขายในประเทศ 55% (ยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 9%) และยอดขายต่างประเทศ 45% (จากกลุ่มประเทศ CLM กัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา 21% และสหรัฐอเมริกา-ละตินอเมริกา 24%)

“จากปีนี้เป็นต้นไป เรามีเป้าหมายสำคัญที่จะก้าวสู่การเป็น “global major brand” หรือ “แบรนด์ชั้นนำระดับโลก” ตามความตั้งใจของบริษัท คูโบต้าคอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรประเทศไทยที่อยู่เคียงข้างเกษตรกรไทยมา 4 ทศวรรษ ด้วยการวิจัยและพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และองค์ความรู้ รวมถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการเกษตรต่าง ๆ

เพื่อส่งมอบเครื่องจักรกลการเกษตรที่มีคุณภาพและตอบสนองความต้องการของเกษตรกรได้อย่างแท้จริง ช่วยให้การทำเกษตรมีความแม่นยำและสะดวกสบายมากขึ้น ควบคู่ไปกับการดำเนินงานด้วยนโยบายตอบแทนสังคมและยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้เติบโตไปพร้อมกับเราอย่างยั่งยืน” นายฮิโรโตะ คิมุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าว และเสริมว่า

การขยายตลาดในกลุ่มประเทศ CLM นอกเหนือจากคุณสมบัติเด่นของสินค้าที่มีประสิทธิภาพสูง มีความทนทานและราคาย่อมเยาที่ประสบความสำเร็จในไทยไปดำเนินการให้เหมาะสมในแต่ละประเทศ บวกกับการบริการหลังการขาย อะไหล่ต้องพร้อม การสนับสนุนระบบไฟแนนซ์ เชื่อว่าการขยายตลาดในกลุ่มประเทศเหล่านี้จะสำเร็จตามมาอย่างแน่นอน

ขณะที่ นายสมศักดิ์ มาอุทธรณ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทมีกลยุทธ์หลัก นอกจากเครื่องจักรกลที่เป็นฮาร์ดแวร์ และด้านซอฟต์แวร์คือ KUBOTA (Agri) Solu-tion องค์ความรู้เกษตรครบวงจร ที่เป็นระบบการจัดการด้านการเกษตรด้วยนวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรและนวัตกรรมการเพาะปลูกที่มีประสิทธิภาพแล้ว

ในปีนี้บริษัทยังคงเดินหน้าคิดค้น วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อาทิ การนำเอาระบบ GNSS (global navigation satellite system) เข้ามาใช้ร่วมกับแทร็กเตอร์ เพื่อช่วยปรับหน้าดินให้มีระนาบเดียวกัน รวมทั้งยังมีการติดตั้งระบบควบคุมทิศทางตรงอัตโนมัติ guidance ร่วมกับรถดำนา เพื่อให้สามารถปักดำได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดปัญหาการปลูกข้าวไม่ตรงแนว

ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา ซึ่งสอดรับกับนโยบายรัฐในการส่งเสริมภาคเกษตรไทยเข้าสู่ยุค 4.0 อีกทั้งตอบโจทย์การทำเกษตรแม่นยำสูง ที่จำเป็นจะต้องใช้นวัตกรรมด้านการเพาะปลูกสมัยใหม่เข้ามาช่วยทำการเกษตรให้เกิดประสิทธิภาพ

“ตอนนี้เรากำลังศึกษาการปลูกข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง ว่าต้องการอาหารอย่างไรบ้าง การกำจัดวัชพืช ต้องมีแอปพลิเคชั่นมาควบคุมการผลิตอย่างไรบ้าง หลังจากที่เราเก็บข้อมูลเรื่องข้าวมาแล้ว 2 ปี ถือเป็นองค์ความรู้ที่จะนำไปถ่ายทอดให้กับเกษตรกรต่อไป นอกเหนือจากการพัฒนาเครื่องมือเก็บเกี่ยวกับเครื่องมือปลูก”

จะเห็นได้ว่า นอกจากการพัฒนาสินค้าให้มีประสิทธิภาพ มีความทนทาน ราคาย่อมเยา มีการบริการที่ดีหลังการขายแล้ว การพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องจากศูนย์วิจัยและพัฒนาที่ตั้งในไทยแล้ว การศึกษาวิจัยด้านองค์ความรู้

การเกษตรในพืชแต่ละชนิดเพื่อนำไปถ่ายทอดให้กับเกษตรกร การส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่ การทำเกษตรยุค 4.0 ให้สอดรับผู้สูงวัยที่มีจำนวนมากขึ้นในภาคเกษตร การส่งเสริมการสร้างชุมชนให้เป็นเมืองอย่างเข้มแข็ง ล้วนเป็นสิ่งที่สร้างความยั่งยืน เป้าหมายของการปั้นเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก จึงไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน