KJL ตั้งเป้ารายได้ 2 เท่าในปี’70 ทุ่ม 250 ล้าน ลงทุนรับดีมานด์ตู้-รางไฟพุ่ง

KJL ทุ่มงบลงทุนปี’66 กว่า 250 ล้านบาท หลังกวาดรายได้ 1,026.07 ล้านบาท ในปี’65 ตั้งเป้าโต 2 เท่า ทั้งรายได้-กำไร ภายในปี’70

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL เผยว่า บริษัทมีเป้าหมายจะเพิ่มกำไรและรายได้ในอัตราที่สูงต่อเนื่องกว่า 2 เท่าตัว ภายในปี 2570 ด้วยการขยายตัวแทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) ไปทั่วประเทศ และขยายกำลังการผลิตของโรงงาน

ที่สำคัญบริษัทมีแผนที่จะนำเสนอสินค้าให้ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม รวมถึงใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตด้วย Digital Industry 4.0 เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในภาคการผลิต

ในปี 2566 วางงบลงทุนกว่า 250 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนด้านเครื่องจักร 150 ล้านบาท โซลาร์รูฟ 25 ล้านบาท อาคารใหม่ KJL Innovation Campus ประมาณ 50-60 ล้านบาท และอื่น ๆ

สำหรับ Innovation Campus เป็นการออกเพื่อรองรับบริการใหม่ ๆ จากปัจจุบันมีพื้นที่ในการผลิตด้วยกัน 3 เฟส ประกอบด้วย เฟสที่ 1 บนพื้นที่ 10 ไร่ ขนาดโรงงานประมาณ 8,000 ตารางเมตร เฟส 2 เป็นโรงงานขนาด 3,000 ตารางเมตร และเฟส 3 บนพื้นที่ 3,000 ตารางเมตรเช่นกัน ซึ่งรวมถึง KJL Innovation Campus ด้วย

โดยบริษัทตั้งเป้าขยายธุรกิจไปยังหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น อสังหาริมทรัพย์ กลุ่มโรงพยาบาล อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน กลุ่มอุตสาหกรรม IT และ Data Center รวมถึงเทคโนโลยี IOT ที่จะตอบสนองธุรกิจ และการต่อยอดธุรกิจสู่ยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

ขณะที่ปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 1,026.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 180.73 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21.38% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 845.34 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 131.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.59 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 39.97% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 94.04 ล้านบาท

โดยรายได้ของบริษัทที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายสินค้ามาตรฐาน เคเจแอล ซึ่งประกอบไปด้วยตู้สวิตช์บอร์ด รางเดินสายไฟ และกล่องพูลบอกซ์ ที่เพิ่มขึ้นจำนวน 171.10 ล้านบาท ตามการฟื้นตัวของสภาวะเศรษฐกิจ และการขยายการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC

สำหรับรายได้จากการขายสินค้าสั่งผลิต หรือ MTO ที่เพิ่มขึ้นจำนวน 35.64 ล้านบาท และรายได้จากการขายเศษเหล็กที่เพิ่มขึ้นจำนวน 5.68 ล้านบาท ก็เป็นไปตามยอดขายสินค้ามาตรฐานเคเจแอลที่เพิ่มขึ้น

เกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL

ในขณะที่กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นผลมาจากการที่บริษัทปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นตามราคาต้นทุนของวัตถุดิบหลักที่สูงขึ้น

บริษัทมีการใช้เทคโนโลยีระบบควบคุมการผลิตแบบ Industry 4.0 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ได้แก่ เครื่องตัดเลเซอร์ เครื่องเจาะด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เครื่องพับ และหุ่นยนต์พับอัตโนมัติ เป็นต้น ทำให้บริษัทมีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับพนักงานฝ่ายผลิตลดลงอย่างต่อเนื่อง

ส่งผลให้กำไรขั้นต้นของบริษัทปรับสูงขึ้นเป็น 28.62% จากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 25.46% และอัตรากำไรสุทธิของบริษัทปรับสูงขึ้นเป็น 12.83% จากปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 11.12%

ในด้านกำลังการผลิตบริษัทมีแผนจะเพิ่มการผลิตจาก 20 ล้านชิ้น เป็น 30 ล้านชิ้น ภายในสิ้นปีนี้ และในระยะยาวตั้งเป้าสู่ 40 ล้านชิ้น ภายในปี 2568

นอกจากนี้ยังวางแผนเพิ่มจำนวนดีลเลอร์จาก 400 ร้านค้า ในปีที่ผ่านมา เป็น 800 ร้านค้า ทั่วประเทศในปีนี้ และตั้งเป้าสู่ 1,200 ร้านค้า ภายในปี 2568

“ปี 2565 ที่ผ่านมาผลประกอบการของเราเติบโตได้จากยอดขายสินค้ามาตรฐาน และสินค้าสั่งผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ถือว่าเป็นกลุ่มสินค้าที่มีสัดส่วนสูงที่สุดของบริษัท ซึ่งยอดขายที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นไปตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ การขยายตัวของยานยนต์ไฟฟ้า(EV) และพลังงานทดแทน โดยการขยายการลงทุนใน EEC ของภาครัฐและเอกชนยังเป็นปัจจัยหนุนให้ความต้องการสินค้าของเราเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปีก่อนต่อเนื่องจนถึงปีนี้

และที่สำคัญเรายังใช้เทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการผลิต ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนและเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในกระบวนการผลิตอีกด้วย