ประวิตร ลงพื้นที่อยุธยา หนุนแผนบรรเทาอุทกภัยเจ้าพระยาตอนล่าง

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ

ประวิตร ลงพื้นที่อยุธยา หนุนแผนบรรเทาอุทกภัยเจ้าพระยาตอนล่าง กรมชลมั่นใจหากสามารถดำเนินการเสร็จ ช่วยเพิ่มอัตราการระบายน้ำจากเดิม 210 ลบ.ม./วินาที เป็น 400 ลบ.ม./วินาที เตรียมเดินหน้าโครงการคลองระบายน้ำหลากชัยนาท – ป่าสัก – อ่าวไทย

วันที่ 8 มีนาคม 2566 พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) และคณะฯ ลงพื้นที่ตรวจติดตามแผนบรรเทาอุทกภัยพื้นที่เจ้าพระยาตอนล่าง และแผนงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญในพื้นที่คลองท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ

นายชูชาติ  รักจิตร  รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า โครงการปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง เป็น 1 ใน 9 แผนงานของแผนบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) มีมติเห็นชอบในหลักการ เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและน้ำแล้งในลุ่มน้ำเจ้าพระยา

ด้วยการปรับปรุงระบบชลประทานตั้งแต่บริเวณท้ายเขื่อนพระราม 6 ถึง คลองชายทะเล มีการปรับปรุงขุดขยายคลองชลประทานเดิม จำนวน 26 คลอง ความยาวรวมประมาณ 490 กิโลเมตร รวมทั้งก่อสร้างและปรับปรุงอาคารบังคับน้ำเพิ่มเติม บริเวณคลองต่างๆ ให้สามารถระบายน้ำได้มากขึ้น วางแผนดำเนินการไว้ 6 ปี (พ.ศ. 2567 – 2572)

แผนบรรเทาอุทกภัย

หากสามารถดำเนินการได้จนแล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มอัตราการระบายน้ำจากเดิม 210 ลบ.ม./วินาที เป็น 400 ลบ.ม./วินาที เป็นแหล่งเก็บกักน้ำในคลองสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 18 ล้าน ลบ.ม./ปี ที่สำคัญจะช่วยบรรเทาอุทกภัยและลดพื้นที่น้ำท่วมได้มากถึง 276,000 ไร่

นอกจากนี้ กรมชลประทานยังได้วางแผนโครงการคลองระบายน้ำหลากชัยนาท – ป่าสัก – อ่าวไทย ซึ่งเป็นแผนระยะยาว เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำหลาก ด้วยการก่อสร้างคลองระบายน้ำชัยนาท-ป่าสัก ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการระบายน้ำของคลองชัยนาท – ป่าสักได้ประมาณ 930 ลบ.ม./วินาที คู่ขนานกับคลองส่งน้ำอีก 130 ลบ.ม./วินาที

แผนบรรเทาอุทกภัย

มีการก่อสร้างเขื่อนพระรามหกแห่งใหม่ทดแทนเขื่อนพระรามหก ที่มีอายุการใช้งานมาเกือบ 100 ปี รวมทั้งก่อสร้างคลองระบายน้ำป่าสัก-อ่าวไทย ที่จะใช้ระบายน้ำต่อเนื่องจากคลองชัยนาท – ป่าสัก ที่จะช่วยตัดยอดน้ำหลากในแม่น้ำป่าสักได้ประมาณ 600 ลบ.ม./วินาที ช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยในเขตอำเภอท่าเรือ รวมถึงพื้นที่ตั้งแต่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร จนถึงจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย


พร้อมกันนี้ พล.อ.ประวิตร ได้มอบหมายให้กรมชลประทานเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทรให้แล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้  รวมไปถึงซ่อมแซมอาคารชลประทานให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานเพื่อเตรียมรับฤดูน้ำหลากที่จะมาถึง