“พาณิชย์” ดึงบิ๊กเอกชนลุยตลาดอินเดีย สร้างโอกาสการทำธุรกิจ

พาณิชย์ นำทัพนักธุรกิจรายใหญ่เจาะตลาดอินเดีย สร้างโอกาสในการทำธุรกิจ หลังอินเดียรุดหน้าสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจภายใต้ “New India” ปรับปรุงกฎระเบียบเอื้อต่อการค้าการลงทุนและส่งเสริมการแข่งขันระหว่างรัฐ หวังผลักดันความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และชูจุดเด่นของรัฐต่อนานาประเทศ
 
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในโอกาสการเดินทางเยือนอินเดีย พร้อมบริษัทเอกชนของไทย ได้แก่ บจก.CP Wholesale บจก.CP Agro บจก.SCG Trading บจม.ดับเบิ้ลเอ (1991) บริษัทอิตาเลียนไทยดีเวลอปเมนต์ บจม.สหมิตรถังแก๊ส บจก.สยามโกลบอลเฮ้าส์ รวมทั้งผู้แทน EXIM Bank และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมงาน UP Investors Summit 2018 ณ เมืองลัคเนาว์ รัฐอุตตรประเทศ และงาน Partnership Summit 2018 ณ เมืองวิสาขปัทนัม รัฐอานธรประเทศ ตามคำเชิญของมุขมนตรีทั้งสองรัฐ ทำให้เห็นว่าอินเดียมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
 
โดยเฉพาะรัฐอุตตรประเทศและรัฐอานธรประเทศ การจัดงาน UP Investors Summit 2018 ครั้งนี้ รัฐอุตตรประเทศตั้งเป้าเป็นจุดหมายการลงทุนสำหรับนักลงทุนชาวอินเดียและชาวต่างประเทศ โดยรัฐอุตตรประเทศเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดในอินเดียกว่า 220 ล้านคน มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอินเดีย ถือเป็นฐานการผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญของอินเดีย อาทิ ข้าว อ้อย และมันฝรั่ง และยังตั้งอยู่บนจุดตัดของระเบียงอุตสาหกรรมเดลี-มุมไบ และระเบียงอุตสาหกรรมอมาริสา-กัลกัตต้า ตลอดจนมีนโยบายเปิดรับการลงทุนที่ทันสมัย จึงเหมาะสำหรับการเป็นตลาดใหม่ของสินค้าและบริการของไทย และเป็นแหล่งการลงทุนแห่งใหม่ของภาคเอกชนไทย โดยเฉพาะในสาขาเกษตรและการแปรรูปอาหาร สิ่งทอ ภาพยนตร์ พลังงานทดแทน การท่องเที่ยว MSME อุตสาหกรรมนม และอิเล็กทรอนิกส์
 
ในส่วนการเข้าร่วมงาน Partnership Summit 2018 ที่รัฐอานธรประเทศ ทำให้เอกชนไทยเข้าใจแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจของอินเดีย โดยเฉพาะรัฐอานธรประเทศ รัฐที่มี ease of doing business อันดับ 1 ของอินเดีย เป็นรัฐที่ส่งเสริมการลงทุนด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การแปรรูปสินค้าเกษตร และการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา โดยตั้งเป้าเป็น 1 ใน 3 รัฐที่มีการพัฒนามากที่สุดในอินเดีย ภายในปี 2022 ขณะนี้ รัฐอานธรประเทศอยู่ระหว่างพัฒนาเมืองหลวงใหม่ คือ เมืองอมาราวตี เมืองอัจฉริยะแห่งแรกของอินเดีย โดยมีเป้าหมายให้อมารวตีเป็น 1 ใน 5 เมืองที่มีความสุขและมีความเป็นอยู่ที่ดีที่สุดในโลก แวดล้อมไปด้วยโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จึงเป็นโอกาสสำหรับเอกชนด้านบริการก่อสร้าง ปัจจุบันรัฐอานธรประเทศ ซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของอินเดีย มีความพร้อมเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ ด้วยความเชื่อมโยงทางทะเลผ่านท่าเรือวิสาขปัทนัม ทางถนนผ่านระเบียงอุตสาหกรรมวิสาขปัทนัม-เจนไน และระเบียงอุตสาหกรรมเจนไน-บังกาลอร์ ตลอดจนการพัฒนาท่าอากาศยานอีก 4 แห่ง และการพัฒนาเส้นทางขนส่งทางน้ำในประเทศอีก 888 กิโลเมตร โดยประธานท่าเรือวิสาขปัทนัมสนใจที่จะร่วมมือกับท่าเรือระนองเพื่อส่งเสริมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ร่วมกัน
 
พร้อมกันนี้ นางสาวชุติมายังได้ลงพื้นที่สำรวจลู่ทางด้านการค้าการลงทุน ณ เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังกาน่า ซึ่งเป็นรัฐใหม่ล่าสุดของอินเดียแต่เปี่ยมไปด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ความเชื่อมโยงทุกมิติทั้งทางถนน ทางราง และทางทะเล ตลอดจนนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจที่ทันสมัยและเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ จนได้รับการขนานนามว่า สิงคโปร์แห่งอินเดีย โดยมีเมืองหลวงสำคัญอย่าง ไฮเดอราบัด หรือมีอีกชื่อว่า Cyberabad ศูนย์กลางอุตสาหกรรม IT และการให้บริการเกี่ยวกับไอที (ITeS) ของอินเดีย
 
นอกจากนี้ ไฮเดอราบัดยังเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม Health Care และยาของอินเดียและของโลก จนกล่าวได้ว่า 1 ใน 3 ของวัคซีนในโลกผลิตขึ้นที่ไฮเดอราบัด โดยปัจจุบันรัฐเตลังกาน่าได้จัดตั้งและออกแบบ Genome Valley เพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยาและ Health Care ทำให้รัฐนี้เหมาะที่จะเป็นฐานการวิจัยและพัฒนาให้กับอุตสาหกรรมและธุรกิจของไทย เนื่องจากมีความพร้อมทั้งเทคโนโลยีและบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ นอกจากนี้ ได้นำคณะภาคเอกชนร่วมพบหารือและสร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับภาคเอกชนรายใหญ่ของรัฐทมิฬนาฑู รัฐที่ได้รับการขนานนามว่า Detroit of India
 
“การเดินทางครั้งนี้ คณะภาคเอกชนไทยได้ มองอินเดียใหม่ ตามแบบฉบับ “New India” โดยเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ต้องการให้นักธุรกิจไทยในวงกว้างเห็นและเข้าใจการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอินเดียในฐานะประเทศที่กำลังก้าวขึ้นสู่มหาอำนาจทางเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้ ไทยต้องไม่พลาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตลาดอินเดียและเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน (Partnership) ไปพร้อมกับอินเดีย เช่นเดียวประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงค์โปร์ เวียดนาม และเนเธอร์แลนด์ ที่ปัจจุบันเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่สำคัญของอินเดียแล้ว”
 
ทั้งนี้ ภายในงาน UP Investors Summit 2018 มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 5,000 คน จากภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ อาทิ อดีตประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีมอริเซียส (H.E. Mr. Anerood Jugnauth) รัฐมนตรีจากประเทศต่างๆ อาทิ เมียนมา เวียดนาม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเอกอัครราชทูตจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเช็ก