จุดความร้อนไทย 2,870 จุด เชียงใหม่มากที่สุด 608 จุด

จุดความร้อนไทย 2,870 จุด เชียงใหม่มากที่สุด 608 จุด

จุดความร้อนในไทยวานนี้ลดลงเหลือ 2,870 จุด เชียงใหม่มากที่สุด 608 จุด ส่วน PM 2.5 เช้านี้ที่แม่ฮ่องสอน พุ่งกว่า 500 ไมโครกรัม

วันที่ 30 มีนาคม 2566 สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 29 มีนาคม 2566 ไทยพบจุดความร้อน 2,870 จุด โดยมีเพื่อนบ้านอย่างพม่าขึ้นนำอยู่ที่ 3,964 จุด, สปป.ลาว 2,139 บาท, เวียดนาม 205 จุด, กัมพูชา 195 จุด และมาเลเซีย 53 จุด

สำหรับจุดความร้อนในประเทศไทย ส่วนใหญ่พบในพื้นป่าอนุรักษ์ 1,479 จุด, พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 1,080 จุด, พื้นที่ชุมชนอื่น ๆ 111 จุด, พื้นที่เกษตร 100 จุด, พื้นที่เขต ส.ป.ก. 86 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 14 จุด ในส่วนของจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 อันดับ คือ #เชียงใหม่ 608 จุด #แม่ฮ่องสอน 522 จุด และ #เชียงราย 435 จุด

ส่วนค่าฝุ่น PM 2.5 วันนี้ทางภาคเหนือยังคงน่าเป็นห่วงมากเช่นเคย เมื่อตรวจสอบจากแอปพลิเคชั่น “เช็คฝุ่น” แบบรายชั่วโมง เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ผ่านมา พบหลายจังหวัดมีค่า PM 2.5 อยู่ในระดับสีแดง และมีผลกระทบต่อสุขภาพ

โดยเฉพาะที่จังหวัด #แม่ฮ่องสอน ที่มีค่า PM 2.5 สูงสุดกว่า 500 ไมโครกรัม ซึ่งเกินค่ามาตรฐานไปถึง 10 เท่า (ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 50 ไมโครกรัม) ตามด้วย #เชียงราย #เชียงใหม่ #พะเยา #น่าน #ลำพูน #ลำปาง #แพร่ #ตาก #เลย ควรสวมหน้ากากอนามัย และงดกิจกรรมภายนอกอาคารสถานที่เพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่จะตามมา ในขณะที่กรุงเทพมหานคร พบค่าคุณภาพอากาศส่วนใหญ่อยู่ในระดับดี

สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนคือ PM 2.5 สถานการณ์การจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่าง ๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม

ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือ การสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้น หรือคาดว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้ GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่

ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fire.gistda.or.th หรือติดตามข้อมูลจาก https://fire.gistda.or.th/dashboard.html และควรติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ผ่านแอปพลิเคชั่น “#เช็คฝุ่น”