
กรมการค้าภายในเผยสถานการณ์สินค้าเกษตรสำคัญ ข้าว มัน ข้าวโพด ปาล์ม ราคาปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่วนปศุสัตว์ หมูเนื้อแดง ไก่ ไข่ไก่ ทรงตัว ผักสด มีทั้งขึ้นและลง คาดมะนาวยังคงทรงตัว
วันที่ 8 เมษายน 2566 นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์สินค้าเกษตรสำคัญ ทั้งข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปาล์มน้ำมัน ราคาปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 14,600 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ตันละ 13,750 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,150 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 10,200 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 12,400 บาท และมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอีก จากความต้องการข้าว ทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
- ครม.เคาะแล้ว ซื้อสินค้าลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 5 หมื่นบาท เริ่ม 1 ม.ค. 67
- MOTOR EXPO 2023 ยอดขายรถ 4 วันแรกทะลุ 8,300 คัน
- EV จีน ทุบราคาเลือดสาด ฉางอาน-กว่างโจวท้ารบ BYD เกทับลดอีกแสน
สำหรับมันสำปะหลัง ราคา 3.25-3.85 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ย่อตัวลงเล็กน้อย แต่ก็สูงถึง 12.15 บาท/กก. สูงกว่าปีก่อนที่ 12 บาท/กก. ปาล์มน้ำมัน ราคา 6.50 บาท/กก. บางพื้นที่เช่นกระบี่ 7 บาท/กก. ส่วนสินค้าปศุสัตว์ หมูเนื้อแดง เฉลี่ย 153 บาท/กก. ราคาปรับขึ้นเล็กน้อย แต่ใกล้เคียงสัปดาห์ก่อน ไก่ทั้งตัวรวมเครื่องใน ราคาทรงตัว 75-85 บาท/กก. และไข่ไก่ ราคาทรงตัวฟองละ 3.75 บาท
ด้านนายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้ผลผลิตผักสดเข้าสู่ตลาดลดลง จากสภาพอากาศที่ร้อน ทำให้ผลผลิตโตช้า โดยสถานการณ์ราคาปรับตัวลดลงจากเดือนมี.ค.2566 ที่ผ่านมา ผักที่ราคาลดลง เช่น คะน้า ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี กวางตุ้ง ผักกาดขาว และผักบุ้งจีน แต่ต้นหอม ผักชี พริกขี้หนู ราคาเพิ่มขึ้น ส่วนมะนาว เบอร์ 1-2 ราคาเฉลี่ย 4.95 บาทต่อผล คาดว่าราคาจะทรงตัวไปจนถึงสิ้นเดือนเม.ย.2566 และจากนั้นเดือนพ.ค.2566 ราคาจะปรับลดลง เพราะผลผลิตจะออกมาก
พร้อมกันนี้ ตนได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์การจับจ่ายซื้อสินค้าของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ตลาดเวิลด์มาร์เก็ต เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ว่า จากการตรวจสอบ พบว่า บรรยากาศการซื้อขายสินค้าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ มีความคึกคักกว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยปริมาณสินค้ามีเพียงพอกับความต้องการ ทั้งในกลุ่มอาหารสด ผัก ผลไม้ ของแห้ง และสถานการณ์ด้านราคา มีการปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นข้อดี ที่จะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน และกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย และทำให้เศรษฐกิจมีการขับเคลื่อนได้ดีขึ้น

สำรวจราคาสินค้า
สำหรับผลการสำรวจราคาสินค้ากลุ่มอาหารสดในตลาด พบว่า มีราคาใกล้เคียงกับราคาที่กรมฯ ได้ทำการสำรวจทั่วประเทศ ไม่ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหมูเนื้อแดง ราคากิโลกรัม (กก.) ละ 150 บาท เนื้อไก่ แบ่งเป็นน่องไก่ติดสะโพก ราคา 75 บาท/กก. น่องไก่ ราคา 75 บาท/กก. สะโพก ราคา 80 บาท/กก. และเนื้ออก ราคา 75 บาท/กก. ขณะที่ไข่ไก่ เบอร์ 3 ราคา 3.7 บาท/ฟอง เป็นต้น
ส่วนราคาผักสด มีการปรับราคาเพิ่มและลดตามสภาวะอากาศและภาวะความต้องการ โดยผักที่มีแนวโน้มปรับลดลงจากเดือนก่อน ได้แก่ ผักคะน้า กก.ละ 30 บาท ถั่วฝักยาว กก.ละ 50 บาท กะหล่ำปลี กก.ละ 30 บาท กวางตุ้ง กก.ละ 25 บาท ผักกาดขาวปลี กก.ละ 30 บาท ผักบุ้งจีน กก.ละ 30 บาท เป็นต้น ส่วนผักที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ ต้นหอม ผักชี พริกขี้หนูจินดา เป็นต้น แต่เป็นการปรับเพิ่มขึ้นในระยะสั้น จากผลกระทบของสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ปริมาณผลผลิตที่เข้าสู่ตลาดลดลงเป็นช่วงสั้น ๆ
ส่วนมะนาวราคายังคงที่จากเดือนก่อน โดยราคาเบอร์ 1-2 กทม. อยู่ที่ 6-8 บาท ราคาเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่ 5 บาทต่อลูก ซึ่งมะนาวในช่วงหน้าร้อน (มี.ค-เม.ย) จะมีราคาเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณผลผลิตน้อย โดยจะกลับมาให้ผลผลิตมากในช่วงเดือน พ.ค.2566 เป็นต้นไป และหลังจากนั้น ราคาจะปรับตัวลดลง ทั้งนี้ ในส่วนของกรุงเทพฯ กรมฯ ได้จัดรถโมบายนำมะนาวราคาส่งไปจำหน่ายให้กับประชาชนตลอดทั้งเดือนเม.ย.2566 ด้วย เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ
สั่งพาณิชย์จังหวัดดูแลราคา
“กรมฯ ได้ประสานและขอความร่วมมือไปยังสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มผักบางชนิด รวมถึงมะนาว หากจังหวัดไหนมีปัญหาผลผลิตขาด ราคาปรับตัวสูงขึ้นจากผลกระทบช่วงหน้าแล้ง ก็จะเข้าไปเชื่อมโยงนำผลผลิตจากที่อื่นเข้าไปจำหน่ายทันที ซึ่งที่ผ่านมา ทำสำเร็จในส่วนของมะนาว ที่ได้ทำการเชื่อมโยงมะนาวจากแหล่งผลิตในจังหวัดราชบุรี เพชรบุรี และพิจิตร ไปเปิดจุดจำหน่ายในหลายจังหวัด ประกอบด้วยประจวบคีรีขันธ์ พังงา ลพบุรี สงขลา ภูเก็ต ขอนแก่น สงขลา ตรัง และพิษณุโลก สามารถช่วยบรรเทาผลกระทบ และลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนและร้านอาหารได้มาก”
นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ กรมฯ จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้บริโภค โดยจะตรวจสอบทั้งเครื่องชั่ง ที่ต้องถูกต้อง เที่ยงตรง และตรวจสอบการปิดป้ายแสดงราคาสินค้า รวมทั้งคุมเข้มการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาโดยไม่สมเหตุสมผล โดยหากพบการกระทำผิด จะดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด โดยความผิดเรื่องชั่งตวงวัด มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 2.8 แสนบาท ไม่ปิดป้ายแสดงราคาปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และฉวยโอกาสหรือค้ากำไรเกินควร จำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายสินค้าหรือบริการที่ไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ จะมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบทันที และหากพบการกระทำความผิด ก็จะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด
- พาณิชย์ย้ำพ่อค้า-แม่ค้า ไม่เอาเปรียบ คุมเข้มราคาสินค้าช่วงสงกรานต์
- สงกรานต์ปีนี้ ขายของแพง-ไม่ปิดป้ายราคา พาณิชย์ลั่นพบดำเนินคดีทันที