ด่านตรวจพืชท่าอากาศยานสุวรรณภูมิใหม่ เปิดบริการแบบ One Stop Service

ด่านตรวจพืชท่าอากาศยานสุวรรณภูมิใหม่

ด่านตรวจพืชท่าอากาศยานสุวรรณภูมิดีเดย์ 2 พ.ค. 2566 เปิดบริการจุดตรวจสอบรับรองสินค้าพืชแบบ One Stop Service มุ่งเพิ่มศักยภาพการส่งออกสินค้าพืชทางเครื่องบิน ประเดิมสินค้าส่งออก สหภาพยุโรป นอร์เวย์ สมาพันธรัฐสวิส และสหราชอาณาจักร ทุกชิปเมนต์

วันที่ 4 พฤษภาคม 2566 นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า หลังจากนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการพัฒนาระบบการตรวจสอบสินค้าเกษตรก่อนการส่งออก ระหว่าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ กระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2565

เพื่อดำเนินการโครงการจัดตั้งสถานที่สำหรับเตรียมสินค้าเกษตรและสินค้าเน่าเสียง่ายผ่านช่องทางพิเศษ หรือ (Perishable Premium Lane ; PPL) และจัดเตรียมพื้นที่ให้บริการตรวจพืชแบบเบ็ดเสร็จ (One-Stop Service) ณ อาคารคลังสินค้า 4 เขตปลอดอากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

โครงการดังกล่าวได้มีการจัดตั้งสถานที่สำหรับจัดเตรียมสินค้าเกษตรและสินค้าเน่าเสียง่ายผ่านช่องทางพิเศษ เป็นโครงการให้บริการผู้ประกอบการส่งออกตั้งแต่ขั้นตอนการตรวจสอบด้านสุขอนามัยพืช จัดทำเอกสาร จัดเตรียมสินค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-phyto) ให้พร้อมสำหรับการโหลดขึ้นเครื่องบินและส่งมอบสินค้าให้กับสายการบินโดยไม่ต้องเสียเวลารอ

ซึ่งด่านตรวจพืชท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรมวิชาการเกษตร ได้ย้ายมารวมเป็นจุดบริการเดียวทั้งหมด โดยใช้พื้นที่คลังสินค้าที่ 4 (Ware House ; WH) เป็นจุดบริการตรวจสอบด้านสุขอนามัยพืช แยกส่วนการให้บริการแบบ Premium กับการบริการแบบมาตรฐาน ซึ่งตั้งอยู่ร่วมกันใน WH 4 เพียงจุดเดียว

ล่าสุด นายภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2566 เป็นวันแรกในการเปิดให้บริการจุดการตรวจสอบสินค้า และออกใบรับรองสุขอนามัยพืชแบบจุดเดียว (One-Stop Service) ของนายตรวจพืช ณ อาคารคลังสินค้าหลังที่ 4 เขตปลอดอากร ทสภ. (WH 4) ของด่านตรวจพืชสุวรรณภูมิ

ซึ่งในช่วงแรกของการเปิดจุดตรวจสอบสินค้า WH 4 จะให้บริการตรวจสอบสินค้าที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรป นอร์เวย์ สมาพันธรัฐสวิส และสหราชอาณาจักร ทุกชิปเมนต์ของตัวแทนผู้ส่งออก HT1 ซึ่งแจ้งความประสงค์ขอเข้าทดสอบการให้บริการ รวมทั้งมีสินค้าของบริษัทอื่น ๆ ที่จองคิวเข้าตรวจ ณ WH4 หลายราย

โดยผู้ส่งออกหรือตัวแทนต้องปฏิบัติตามแนวทางการปฏิบัติงานการตรวจสอบสินค้าที่จะส่งออกไปยังสหภาพยุโรป นอร์เวย์ สมาพันธรัฐสวิส และสหราชอาณาจักร ผ่านด่านตรวจพืชท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสินค้าที่จะทำการส่งออกในช่วงเช้านอกเวลาราชการ (ช่วงเวลา 03.30-06.30 น.) รวมทั้งสินค้าอื่น ๆ ที่มีความประสงค์ยื่นตรวจสอบสินค้า ณ WH4 ก็พร้อมให้บริการแก่ทุกราย

ขณะนี้ยังเปิดจุดตรวจสอบสินค้า WH4 ควบคู่ไปกับจุดตรวจสอบสินค้าเดิมที่คลังสินค้า TG และคลังสินค้า BFS เมื่อปรับเปลี่ยนได้อย่างสมบูรณ์แล้วจะย้ายทั้งหมดไปให้บริการที่คลัง 4 จุดเดียว ซึ่งจะทำให้จำนวนคิวตรวจสินค้าผ่านด่านตรวจพืชท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสามารถรับตรวจงานได้ในแต่ละช่วงเวลาในแต่ละวันเพิ่มขึ้นจากเดิม

โดยช่วงที่ 1 รับได้ 3 ชิปเมนต์ และช่วงที่ 2-7 รับได้เพิ่มเป็น 12 ชิปเมนต์ ซึ่งเป็นการตรวจที่มีจำนวนชิปเมนต์มากกว่าจุดตรวจสอบเดิมอย่างน้อย 1 เท่า ทั้งนี้ ได้ให้แนวทางการปฏิบัติงานกับเจ้าหน้าที่ตรวจพืชให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ เงื่อนไขตามที่กรมวิชาการเกษตรกำหนดตามความต้องการของประเทศปลายทางอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้เพิ่มความเข้มงวดและเฝ้าระวังการตรวจสอบสินค้าผักและผลไม้สด โดยเฉพาะที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรป เพื่อป้องกันการลักลอบและการสวมสิทธิ์ผักและผลไม้สดของไทย

สำหรับสถิติการออกใบรับรองสุขอนามัยพืช ณ ด่านตรวจพืชท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปี 2565 จำนวน 70,262 ฉบับ สินค้าเกษตรส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ดอกกล้วยไม้ (ช่อ) ปริมาณรวมทั้งหมด 291,913,542 ช่อ ดอกกล้วยไม้ (ดอก) ปริมาณรวมทั้งหมด 197,296,981 ดอก ผักปริมาณส่งออกทั้งหมด 29,277 ตัน ผลไม้สดปริมาณส่งออกทั้งหมด 74,362 ตัน

สำหรับปี 2566 ช่วงเดือนมกราคม-เมษายน ด่านตรวจพืชท่าอากาศยานสุวรรณภูมิออกใบรับรองสุขอนามัยพืชแล้วจำนวน 19,334 ฉบับ สินค้าเกษตรส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ดอกกล้วยไม้ (ช่อ) ปริมาณรวม 64,268,956 ช่อ ดอกกล้วยไม้ (ดอก) ปริมาณรวม 59,708,229 ดอก ผักสดปริมาณ 7,845 ตัน ผลไม้สดปริมาณ 9,882 ตัน คาดว่าปริมาณการขอออกใบรับรองสุขอนามัยพืชเพื่อการส่งออกกับด่านตรวจพืชท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ