“สยามแก๊สฯ” ลั่น หยุดขยายปั๊มก๊าซ LPG ในไทย หลังยอดขายภาคขนส่งดิ่งหนัก เปิดทางผู้ค้าก๊าซเปลี่ยนเป็นปั๊มน้ำมัน หันมาเน้นทำตลาดก๊าซในต่างประเทศปักธงซัวเถา-จูไห่ทำการตลาดต่อเนื่อง ล่าสุดเล็งขยายตลาดจีนตอนเหนือ รุกธุรกิจก๊าซ LNG
นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากที่ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ผู้บริโภคหันไปใช้น้ำมันมากขึ้น จากเดิมที่เคยใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เนื่องจากมีราคาถูกมากเมื่อเปรียบเทียบกับราคาน้ำมัน และเมื่อพิจารณาภาพรวมการใช้ก๊าซ LPG จะพบว่าความต้องการใช้ในภาคขนส่งลดลงอย่างมากถึง
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- ดัน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” จับตาย้าย “ท่าเรือคลองเตย”
- พารู้จัก “ลาบูบู้” อาร์ตทอยที่ทุกคนต่างตามหา หลัง “ลิซ่า” เซลฟี่ลงไอจี
ร้อยละ 10 มาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การใช้ก๊าซ LPG ทั้งในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์ดังกล่าว
สยามแก๊สฯจึงตัดสินใจหยุดขยายสถานีบริการก๊าซ LPG และร่วมมือกับผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ 2 ราย คือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด เจ้าของสถานีบริการน้ำมันแบรนด์คาลเท็กซ์ เข้ามาเปลี่ยนเป็นสถานีบริการน้ำมันทดแทน
สำหรับสถานีบริการก๊าซ LPG ภายใต้แบรนด์สยามแก๊สฯในปัจจุบันมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 446 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็นสถานีบริการที่จำหน่ายน้ำมันพร้อมกับจำหน่ายก๊าซ LPG ร่วมด้วย ที่เปิดแล้วรวม 2 แห่ง และคาดว่าภายในปีนี้จะเปิดเพิ่มอีกประมาณ3 แห่ง ทั้งนี้หากราคาน้ำมันดีดตัวกลับมายืนราคาสูงและความต้องการใช้ในภาคขนส่งเพิ่มขึ้น สยามแก๊สฯสามารถปรับสถานีบริการให้สามารถจำหน่ายก๊าซ LPG เพิ่มเติมได้
“ยอดขายก๊าซผ่านปั๊มลดลงอยู่แล้ว เพราะราคาน้ำมันต่ำมาก ตอนนี้ตลาดค้าก๊าซในไทยไม่ได้หวือหวาเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ โดยเมื่อมองเทรนด์ราคาก๊าซในขณะนี้ในแถบเอเชียจะเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนที่โดยปกติราคาก๊าซ LPG จะต้องปรับลดลง แต่ในแถบยุโรปและสหรัฐยังคงอยู่ในช่วงฤดูหนาว ทำให้ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกไม่ได้ปรับลดลงมากนัก ราคาในเดือน ม.ค.-ก.พ.อยู่ที่ 525 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และคาดว่าราคาในเดือน มี.ค.นี้น่าจะอยู่ที่ราคา 425 เหรียญสหรัฐ/ตัน เท่ากับว่าปรับลดลงมาเพียง 70 เหรียญสหรัฐ/ตัน”
นายศุภชัยกล่าวว่า ปัจจุบันสยามแก๊สฯส่งก๊าซ LPG เข้าไปจำหน่ายในหลายประเทศ คือ ออสเตรเลีย, บังกลาเทศ, เมียนมา, มาเลเซีย, เวียดนาม, กัมพูชา, ฟิลิปปินส์, จีน, ฮ่องกง, มาเก๊า และ สปป.ลาว โดยเฉพาะจีน ขณะนี้สยามแก๊สฯ
ถือเป็นผู้ค้าที่มีปริมาณการซื้อขายเป็นอันดับ 1 ในประเทศจีนแล้ว โดยจุดแข็งอยู่ที่การมีคลังเก็บก๊าซ LPG ใต้ดินขนาดใหญ่รวม 2 แห่งในจีนตอนใต้ คือที่เมืองซัวเถา และเมืองจูไห่ ศักยภาพคลังสูงสุดที่ 300,000 ตัน และได้วางแผนขยายธุรกิจก๊าซในจีนอีก คือ 1) ขยายตลาดก๊าซ LPG ไปยังพื้นที่จีนตอนเหนือด้วยระบบขนส่งใหม่ และ 2) ขยายธุรกิจไปยังเชื้อเพลิงประเภทอื่นอย่างก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG ให้กับโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นการเพิ่มสินค้าและขยายฐานลูกค้า คาดว่าอนาคตความต้องการใช้จะเพิ่มขึ้น เพราะรัฐบาลจีนมีนโยบายลดการใช้ถ่านหิน และหันมาใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น จะทำให้สยามแก๊สฯขยายตลาดได้เพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ สยามแก๊สฯได้วางเป้าหมายยอดขายสำหรับตลาดก๊าซ LPG ในปี 2561 ว่า จะขยายตัวที่ร้อยละ 6-7 หรือมีปริมาณการขายที่ 3.4 ล้านตัน เทียบปีที่ผ่านมียอดขายอยู่ที่ 3.2 ล้านตัน ขณะที่รายได้ปี 2560 อยู่ที่ 60,000 ล้านบาท โดยรายได้ในปีที่ผ่านมาได้รับแรงหนุนจากราคา LPG ในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 580 เหรียญสหรัฐ/
ตัน และปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย สำหรับแผนการลงทุนในปี 2561 ได้ตั้งงบฯลงทุนไว้ที่ 2,000 ล้านบาท สำหรับขยายธุรกิจ ซึ่งบริษัทมองหาลู่ทางการลงทุนใหม่ ๆ ต่อเนื่อง เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับธุรกิจ ทั้งในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าหรือธุรกิจ LNG ขณะที่สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.9 เท่า หากต้องการขอวงเงินสนับสนุนสินเชื่อจากสถาบันการเงินสามารถดำเนินการได้ทันที
อนึ่ง ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจก๊าซ LPG ในภาคขนส่งค่อนข้างมาก และการแข่งขันในตลาดนี้รุนแรงมากจนทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต้องทยอยปิดสถานีบริการ โดยเฉพาะรายเล็ก หลังจากนั้นรายใหญ่เช่น บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศหยุดทำการตลาดก๊าซ LPG ผ่านสถานีบริการ ตามมาด้วยสยามแก๊สฯปัจจุบันบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุด ตามมาด้วยอันดับ 2 คือสยามแก๊สฯ