
อินโดรามา เวนเจอร์ส รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1 ปี 2566 มูลค่า 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3% EBITDA 301 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 269%
วันที่ 11 พฤษภาคม 2566 นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส หรือ IVL กล่าวว่า ผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวดีขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากปัจจัยอุปสรรคต่าง ๆ คลี่คลายลงจากที่เคยส่งผลรุนแรงสูงสุดในไตรมาสที่ผ่านมา แต่หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนลดลง 9%
โดยมี EBITDA เท่ากับ 301 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เพิ่มขึ้น 269% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และลดลง 62% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยปริมาณขายลดลง 8% เมื่อเทียบปีต่อปี กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเท่ากับ 201 ล้านเหรียญสหรัฐสัดส่วนหนี้สินจากการดำเนินงานสุทธิต่อทุนเฉลี่ยเท่ากับ 1.00 เท่า และ Reported EPS เท่ากับ 0.14 บาท

“แนวโน้มการระบายสต๊อกอย่างหนักที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ทั่วโลก ถึงแม้ว่าปริมาณการขายจะเพิ่มขึ้น 5%
เนื่องจากอัตราการระบายสต๊อกเริ่มชะลอตัวลงจากจุดสูงสุดในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 การที่จีนกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งจากการล็อกดาวน์ป้องกันการแพร่ระบาด รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้ส่วนต่างระหว่างต้นทุนและราคาขายปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะต่ำกว่าระดับที่ผ่านมาในอดีตก็ตาม นอกจากนี้ ฤดูหนาวที่มีอุณหภูมิสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในยุโรป ส่งผลให้ราคาพลังงานลดลง และช่วยบรรเทาแรงกดดันด้านต้นทุนที่ต้องเผชิญในปีที่ผ่านมา”
“เราเห็นสัญญาณเริ่มต้นว่าอุปสรรคที่ผิดปกติอย่างมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมของเรา กำลังเริ่มคลี่คลายลงจากระดับสูงสุด แม้ว่าจะต้องใช้เวลาสักระยะในการฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ เรายังคงสานต่อความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเราอย่างต่อเนื่อง
อาทิ การดำเนินการกับโรงงานที่ทำกำไรได้เล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป สำหรับในเอเชีย เรากำลังเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมมากขึ้นเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลกสำหรับธุรกิจต่าง ๆ ของเรา
และเรากำลังเสริมสร้างความเป็นผู้นำทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก เพื่อส่งมอบผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ โครงการปรับเปลี่ยนต้นทุนที่กำลังดำเนินอยู่อย่าง Project Olympus ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนประสิทธิผลในการดำเนินงานต่อไปในปี 2566”
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ในภาพรวมลดลงเมื่อเทียบปีต่อปี เนื่องจากการระบายสต๊อกอย่างต่อเนื่องของลูกค้าทำให้ปริมาณการขายต่ำกว่าระดับการบริโภคของผู้บริโภค
โดยกลุ่มธุรกิจ Combined PET มี Reported EBITDA เท่ากับ 142 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง74% เมื่อเทียบปีต่อปี เนื่องจากปริมาณขายลดลง 9% ขณะที่กลุ่มธุรกิจ Fibers มี Reported EBITDA 32 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 69% เมื่อเทียบปีต่อปี
เนื่องจากทั้ง 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์รายงานยอดขายที่ลดลง
สำหรับกลุ่มธุรกิจ IOD มี Reported EBITDA เท่ากับ 128 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเติบโต 4.4% เมื่อเทียบปีต่อปี เนื่องจากปริมาณขายเพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบปีต่อปี
ทั้งนี้ บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลกอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากได้รับประโยชน์เต็มที่จากการเปิดประเทศอีกครั้งของจีน ซึ่งกระตุ้นปริมาณการซื้อขายตลอดทั้งปี ประกอบกับต้นทุนพลังงานและการระบายสต๊อกของลูกค้าที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ