ญี่ปุ่นนิยมรับประทานกล้วย ล่าสุดเปิดเจรจา คำสั่งซื้อทะลุ 1,000 ล้านบาท

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเจรจาการค้าสินค้ากล้วยสดและแปรรูป นำผู้นำเข้าชาวญี่ปุ่นรวม 10 บริษัทพบปะผู้ส่งออกไทยรวม 23 บริษัท คาดว่ากล้วยและผลิตภัณฑ์กล้วยแปรรูปของไทยมีคำสั่งซื้อมูลค่าทะลุ 1,000 ล้านบาท

วันที่ 30 พฤษภาคม 2566 นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ผู้บริโภคญี่ปุ่นเป็นประเทศที่นิยมรับประทานกล้วย เพราะเห็นว่าเป็นผลไม้ที่มีรสชาติอร่อยและมีคุณค่าทางอาหารสูง อีกทั้งยังมีราคาที่เข้าถึงได้ และยังสามารถนำไปใช้แปรรูปเป็นขนมได้อีกมากมาย โดยที่ญี่ปุ่นเองสามารถปลูกกล้วยเองได้ในปริมาณน้อย เนื่องจากมีภูมิอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งในแต่ละปีจะต้องนำเข้ากล้วยเข้ามาบริโภคในประเทศถึงปีละกว่า 1 ล้านต้น

ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์
ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์

สำหรับประเทศไทยนั้น แม้จะมีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (Japan-Thailand Economic Partnership Agreement) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า JTEPA ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2550 โดยญี่ปุ่นได้ให้สิทธิพิเศษการยกเว้นภาษีนำเข้ากล้วยจากประเทศไทยเป็นจำนวน 8,000 ตันก็ตาม แต่ที่ผ่านมาประเทศไทยสามารถส่งออกกล้วยเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นได้สูงสุดเพียง 2,890 ตันต่อปีเท่านั้น จึงเห็นถึงโอกาสในขยายตลาดและได้สั่งการให้เดินหน้าการผลักดันการส่งออกกล้วยไทยเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ เพื่อผลักดันการส่งออกกล้วยไทยเข้าตลาดญี่ปุ่น นายฉันทพัทธ์ ปัญจมานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว ระบุว่า สำนักงานได้นำทั้งซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ อาทิ Gyomu Super ซึ่งมีกว่า 1,050 สาขา และ Beisia ซึ่งมีกว่า 130 สาขาทั่วญี่ปุ่น พร้อมด้วยผู้นำเข้าที่มีศักยภาพรวม 10 บริษัท เดินทางมาพบปะเจรจาการค้ากับผู้ส่งออกและกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอม ผู้ผลิตกล้วยแปรรูป และได้เชิญผู้ประกอบการกล้วย GI ของไทยที่ได้รับการรับรองจากกรมทรัพย์สินทางปัญญาให้เข้าร่วมกิจกรรมด้วย

ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการเจรจาการค้าและเกิดการทดลองชิมสินค้า ซึ่งในส่วนตัวมีความเชื่อว่ากล้วยจากประเทศไทยมีรสชาติที่อร่อยกว่าของประเทศคู่แข่ง อีกทั้ง ผลิตภัณฑ์กล้วยแปรรูปจากประเทศไทยมีความหลากหลายและมีนวัตกรรมที่น่าสนใจ และยังอาจช่วยสร้างโอกาสให้สินค้าเกษตรจากภูมิภาคของไทยให้สามารถเปิดตลาดส่งออกสู่ประเทศญี่ปุ่นได้ต่อไปด้วย

“สาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้กล้วยไทยสามารถส่งเข้าไปแข่งขันในตลาดญี่ปุ่นได้น้อย แม้ว่าจะไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าก็ตาม ก็คือการแข่งขันอย่างรุนแรงจากประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นเจ้าตลาด ซึ่งในปัจจุบันถือครองตลาดอยู่ถึง 76% หรือประมาณ 3 ใน 4 ของตลาดกล้วยในญี่ปุ่นทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดนี้ทางประเทศฟิลิปปินส์ก็เพิ่งออกมาประกาศขึ้นราคากล้วยหอมในประเทศญี่ปุ่นด้วยเหตุผลทางด้านต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้ง ฟิลิปปินส์ยังประสบปัญหาโรคระบาดในกล้วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อด้านปริมาณการผลิตด้วย จึงเป็นโอกาสอันดีที่กล้วยไทยจะเข้าไปช่วงชิงตลาดจากกิจกรรมที่จัดขึ้น

ทั้งนี้ จากการประเมินผลการจัดกิจกรรมการเจรจาการค้าสินค้ากล้วยสดและแปรรูปในเบื้องต้น คาดว่ากิจกรรมในครั้งนี้น่าจะเกิดการสั่งซื้อกล้วยหอมจากประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2,000 ตัน และผลิตภัณฑ์กล้วยแปรรูปรวมเป็นมูลค่า 1,070.55 ล้านบาท โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียวยังมีแผนงานต่อเนื่องในการนำผู้เชี่ยวชาญจากประเทศญี่ปุ่นลงไปให้ความรู้และเตรียมความพร้อมในการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นให้แก่กลุ่มสหกรณ์ผู้ปลูกกล้วยไทยในช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป

ผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม สามารถติดตามความคืบหน้ากิจกรรมได้ที่ www.ditp.go.th หรือสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางสายด่วน 1169