ราคาน้ำมันดิบ (2 มิ.ย. 66) ปรับขึ้น 3% สูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์

ราคาน้ำมันดิบ
Photo by Johannes EISELE / AFP

ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น 3% สูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ หลังข่าวสภาผู้แทนฯสหรัฐผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้

วันที่ 2 มิถุนายน 2566 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับเพิ่มขึ้น หลังข่าวสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ลงมติผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ของประเทศ โดยขั้นตอนต่อไปวุฒิสภาสหรัฐจะพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว ทั้งนี้ กระบวนการผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้จะต้องเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 5 มิ.ย. 66

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสเมื่อ 1 มิ.ย. 2566 อยู่ที่ 70.10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +2.01 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 74.28 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +1.68 เหรียญสหรัฐ

นักลงทุนยังคงจับตาผลการประชุมโอเปกพลัสที่จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 4 มิ.ย. 66 นี้ โดยนักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้ที่กลุ่มโอเปกพลัสจะปรับลดกำลังการผลิต เนื่องจากรายงานตัวเลขอุปสงค์ในจีนและสหรัฐไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ ในขณะที่ก่อนหน้านี้ตลาดน้ำมันถูกกดดันจากการที่รัสเซียประกาศจะไม่สนับสนุนให้มีการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 26 พ.ค. 66 ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 4.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 459.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์น้ำมันเบนซินของอินโดนีเซียในเดือน มิ.ย. 66 มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาพรวมอุปสงค์ในเอเชียยังคงลดลง หลังสิ้นสุดเทศกาลอีดในมาเลเซียและอินโดนีเซีย โดยปริมาณการซื้อขายน้ำมันเบนซินในตลาดสิงคโปร์ปรับลดลงกว่า 53.0% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน สู่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลในเดือน พ.ค. 66

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสต๊อกน้ำมันดีเซลคงคลังของท่าเรือฟูไจราห์ (Fujairah) ใน UAE ปรับลดลงกว่า 17.0% สู่ระดับ 3.9 ล้านบาร์เรล หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 64 ขณะที่อุปทานในตลาดน้ำมันยังคงตึงตัวจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในแถบเอเชีย