“สนธิรัตน์” เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าครึ่งปีหลัง

“สนธิรัตน์” เปิดแผนทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าครึ่งหลัง ปีงบประมาณ 61 โฟกัส 5 เรื่องใหญ่ เร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ทั้งดูแลค่าครองชีพ พัฒนาร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ผลักดัน e-Commerce ดูแลสินค้าเกษตร ขับเคลื่อนการส่งออก และการทำ Big Data และ Smart Ministry เผยยังได้จัดเวิร์กชอป ระดมสมองข้าราชการ พาณิชย์ทำแผนในแต่ละเรื่องด้วย

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 16 มีนาคม 2561 กระทรวงพาณิชย์ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ในหัวข้อทิศทางการขับเคลื่อน เศรษฐกิจการค้า ในช่วงครึ่งหลังของปีงบประมาณ 2561 ของกระทรวงพาณิชย์ โดยได้เชิญให้ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ ร่วมกันทำแผน ขับเคลื่อนการทำงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยจะมุ่งใน 5 เรื่องหลัก ได้แก่ เศรษฐกิจฐานราก e-Commerce สินค้าเกษตร การส่งออก และ Big Data และ Smart Ministry

“ได้สั่งการให้จัดทำ Workshop ในแต่ละกลุ่มโดยให้มีผู้บริหาร ระดับ 10 เป็นที่ปรึกษาของกลุ่ม และให้ร่วมกันระดมสมอง กับข้าราชการระดับผู้อำนวยการกอง เพื่อหาข้อสรุปในแต่ละเรื่อง รวมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนให้การทำงาน บรรลุเป้าหมายตามที่ได้ตั้งเอาไว้” นายสนธิรัตน์กล่าว

สำหรับประเด็นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ยังคงให้ ความสำคัญกับการดูแลค่าครองชีพด้วยการเพิ่มรายได้ และลดรายจ่ายให้กับประชาชนซึ่งจะต้องไปดูว่ามีวิธีการอะไรบ้าง ที่จะนำมาใช้ได้ และลดภาระค่าใช้จ่ายได้จริง และยังต้องเร่งพัฒนา ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ที่ปัจจุบันกำลังจะเพิ่มเป็น 4 หมื่นร้าน โดยต้องเพิ่มจำนวนรายการสินค้าราคาถูกให้เข้ามาจำหน่ายในร้านค้า และเพิ่มสินค้าชุมชน OTOP สินค้าเกษตร เข้ามาจำหน่ายด้วย

ด้าน e-Commerce จะต้องเร่งผลักดันให้ผู้ประกอบการ รวมไปถึง กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มสหกรณ์ ใช้ประโยชน์จากการค้าออนไลน์ โดยต้องช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการขนาดย่อม (Micro SMEs) ขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) รวมทั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ให้มีโอกาสทำการค้าผ่าน thaitrade.com และ e-Market place อื่นๆ การส่งเสริมให้ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ร้านค้าส่งค้าปลีก ร้านค้าชุมชน และผู้ผลิตสินค้าชุมชน OTOP เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า ผ่านทางออนไลน์ เพราะเป็นช่องทางใหม่ที่จะทำให้ขายสินค้า ได้มากขึ้น

ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์สินค้าเกษตร เร่งจัดทำแผน การบริหารจัดการสินค้าเกษตรแบบครบวงจรเป็นรายสินค้า ภายใต้แนวคิดตลาดนำการผลิต อีกทั้งหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องติดตามสถานการณ์ร่วมกันอย่าง ใกล้ชิด โดยมีแผนรับมือล่วงหน้ากรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้น รวมทั้งต้อง มีแผนการหาตลาดรองรับผลผลิตทั้งใน และต่างประเทศที่ชัดเจน ขณะเดียวกัน ต้องเร่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรด้วยนวัตกรรม การส่งเสริมให้มีสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ให้เพิ่มมากขึ้น และการส่งเสริมและผลักดันสินค้าเกษตรอินทรีย์ และสินค้าปลอดภัย ที่เป็นแนวโน้มใหม่ของโลก

ด้านยุทธศาสตร์การค้าระหว่างประเทศจะให้ความสำคัญกับ การทำแผนและกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนการส่งออกโดยจะต้องมุ่ง ส่งเสริมและผลักดันให้ SMEs มีโอกาสในการส่งออกให้ได้มากขึ้น การเจาะตลาดเป็นรายประเทศที่จะต้องเน้นการขยายเข้าสู่ตลาด เมืองรอง เพื่อสร้างโอกาสให้กับสินค้า บริการ และการลงทุนของไทย และการใช้ยุทธศาสตร์หุ้นส่วนเศรษฐกิจ (Strategic Partnership) ในการขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนกับประเทศคู่ค้า ที่เป็นเป้าหมาย ซึ่งต้องมีแผนชัดเจนว่าจะบุกเจาะประเทศไหน สินค้าและบริการอะไร ที่ทั้ง สองฝ่ายจะร่วมมือกันได้

ขณะที่ส่วนของการบริหารจัดการข้อมูล Big Data ของกระทรวงฯ จะต้องมีการบูรณาการจัดทำฐานข้อมูลทางเศรษฐกิจการค้าและให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการวิเคราะห์และวางแผน ล่วงหน้าได้อย่างจริงจัง รวมทั้งกระทรวงฯ มี Roadmap ที่ชัดเจน ในการก้าวสู่ Smart Ministry ในปี 2562 โดยกำหนดแนวทาง ปฏิรูปการทำงานโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้มากขึ้น ซึ่งแต่ละกรม ในสังกัดกระทรวงพาณิชย์จะต้องไปพิจารณาจัดทำแผนปฏิบัติงานเพื่อ ให้สอดรับกับการปฏิรูปดังกล่าว