“บิ๊กฉัตร” สั่งชงโปรเจ็กต์น้ำ 4.2 แสนล้าน

“บิ๊กฉัตร” จี้สำนักงานทรัพยากรน้ำ ชง 34 โครงการเร่งด่วน มูลค่าลงทุน 4.2 แสนล้านขอไฟเขียว ครม.เดือน เม.ย.นี้ สั่งกรมชลประทาน-เจ้าท่า-โยธาธิการ เตรียมพร้อมเปิดประมูลก่อสร้าง ประสานคลัง-สำนักงบประมาณจัดสรรงบฯผูกพัน-หาแหล่งเงินกู้ นำร่อง 11 โปรเจ็กต์ปี”62 คลองระบายน้ำหลาก “บางบาล-บางไทร, ชัยนาท-ป่าสัก, ผันน้ำโขง เลย ชี มูล ติดโผ

นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ได้สั่งการให้ สนทช.ศึกษาโครงการสำคัญขนาดใหญ่ที่จำเป็นต้องขับเคลื่อนเร่งด่วน ซึ่งได้แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจัดทำแผนเตรียมความ

พร้อมล่วงหน้า เบื้องต้นมีทั้งหมด 34 โครงการ คาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 429,998 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี จากปี 2562-2565 เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปลายเดือนเมษายน 2561 นี้ ทั้งนี้ การเสนอโครงการเร่งด่วนดังกล่าวได้หารือทางกระทรวงการคลังแล้ว จะทำในลักษณะงบฯผูกพัน รวมถึงหาแหล่งเงินกู้

นอกจากนี้ จะนำร่าง พ.ร.บ.น้ำฯเสนอกลับให้ ครม.เห็นชอบอีกครั้ง เพราะโครงสร้างร่าง พ.ร.บ.น้ำฯ เดิมที่เคยเสนอ ครม.พิจารณา มีการปรับเปลี่ยนสาระสำคัญบางส่วนจึงต้องเสนอ ครม.ใหม่ คาดว่าจะผ่านการพิจารณาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ภายในเดือนกรกฎาคม 2561

สำหรับ 34 โครงการเร่งด่วน แบ่งเป็นใช้งบประมาณปี 2562 จำนวน 11 โครงการ รวมมูลค่าลงทุน 34,194 ล้านบาท เช่น คลองระบายน้ำหลาก บางบาล-บางไทร พร้อมถนนคันคลอง มูลค่า 11,502 ล้านบาท ส่วนงบประมาณปี 2563 มี 8 โครงการ 149,153 ล้านบาท เช่น คลองระบายน้ำหลาก ชัยนาท-ป่าสัก มูลค่า 36,400 ล้านบาท, คลองระบายน้ำหลาก ป่าสัก-อ่าวไทย มูลค่า 89,860 ล้านบาท งบประมาณปี 2564 มี 6 โครงการ มูลค่า 101,060 ล้านบาท เช่น เพิ่มน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล มูลค่า 66,000 ล้านบาท, แนวคันควบคุมน้ำทะเล (แก้มลิงคลองมหาชัย-คลองสนามชัย) มูลค่า 10,000 ล้านบาท, อุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองเปรมประชากร มูลค่า 9,640 ล้าานบาท เป็นต้น และงบประมาณปี 2565 มีจำนวน 9 โครงการ มูลค่า 145,610 ล้านบาท เช่น ผันน้ำโขง เลย ชี มูล มูลค่า 101,727 ล้านบาท, อ่างเก็บน้ำ ใสน้อย-ใสใหญ่ มูลค่า 9,714 ล้านบาท เป็นต้น

“รัฐบาลต้องการให้โครงการน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคจบในปี 2562 ก่อนการเลือกตั้ง พล.อ.ฉัตรชัยจึงให้ดึงแก่นออกมาก่อน เรื่องนี้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูแลกระทรวงการคลังจะช่วยผลักดันอีกทางหนึ่ง เพราะปี 2562 ปิดงบฯไปแล้ว ดังนั้น เงินลงทุนอาจจะมาจากแหล่งเงินกู้ เป็นรายกรณี เพราะงบประมาณทำได้ตลอด ซึ่งกรณีการหาแหล่งเงินทุนต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ตอบแทนสูงสุด ทั้งหมดนี้ได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนมา เช่น กรมเจ้าท่า กรมโยธา มีแผนมาขุดลอกเจ้าพระยา ขณะเดียวกันทางโยธาต้องมีแผนทำเขื่อนป้องกันตลิ่งใน 12-13 พื้นที่ให้แล้วเสร็จ กรมเจ้าท่ารับลูกไปแล้ว จุดที่ 2 พื้นที่นอกคัน ต้องบริหารจัดการให้ได้ จะมีหลายฝ่ายร่วมดำเนินการ เช่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมทางหลวงชนบท ที่มีถนนผ่าน และกรมชลประทาน เป้าหมายงบประมาณรวมกัน 3-5 แสนล้านบาท ต้องเกิดภายใน 4 ปี โดยโครงการที่ดึงออกมาศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจบแล้ว

นายสมเกียรติกล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการบางบาล-บางไทร ความยาว 22.4 กม. มูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท โดยรัฐบาลได้ปรับเร่งรัดขั้นตอนการทำงานให้เร็วขึ้น ให้ศึกษาสำรวจ และออกแบบแยกออกมาต่างหาก ต่างจากเดิมให้การศึกษาออกแบบอยู่ในงบเดียวกัน เช่น การปักแนวเขตพร้อมการออกแบบ เมื่อตรงนี้เสร็จการก่อสร้างไม่มีปัญหา ปลายปี 2561 น่าจะแล้วเสร็จ สามารถของบประมาณได้ บางบาล-บางไทร ใช้เวลาออกแบบ 3-4 เดือนนี้เสร็จเรียบร้อย การปักหลักเขตจะเสร็จแล้ว คาดว่าจะสามารถเปิดประมูลหาผู้รับเหมาได้ปีงบประมาณ 2562 ทั้งนี้ หากงบประมาณปกติอาจไม่ได้ อาจต้องหาแหล่งเงินอื่น เช่น อาจจะกู้

อย่างไรก็ตาม โครงการน้ำปกติจะขอจัดสรรงบฯยาก จึงต้องทำงบฯบูรณาการน้ำเป็นจิ๊กซอว์ ยกตัวอย่างที่ผ่านมาในงบประมาณปีหนึ่งได้งบฯ 60,000 ล้านบาท มีงบฯผูกพันไปทุกปี 2-3 หมื่นล้านบาท ต้องแบ่งไปจ่ายเงินเดือน ซ่อมแซมรักษาประสิทธิภาพอีก 2-3 หมื่นล้านบาท เหลือเป็นงบฯลงทุนจริงไม่ถึง 10,000 ล้านบาทต่อปี ล่าสุด ได้เชิญทางกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณมาหารือว่าต้องปรับวิธีการทำงานใหม่ ต่อไปงบฯฟังก์ชั่นอย่านำมารวมในงบฯบูรณาการน้ำ คือ งบฯที่มีนัยสำคัญ มีบิ๊กอิมแพ็กต์ขนาดใหญ่ แต่งบฯซ่อมแซมให้ไปอยู่ในงบฯฟังก์ชั่น พื้นที่ดูแลไป