เศรษฐกิจในประเทศ

“อาลีบาบา”ยันลงทุนพื้นที่อีอีซี ชูสินค้าเกษตรไทยขายผ่านแพลตฟอร์ม

“อาลีบาบา” เดินสายคุยแผนลงทุน ย้ำยังคงลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจฯ เตรียมลุยนำสินค้าเกษตรไทยโปรโมตผ่านแพลตฟอร์ม

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการเข้าพบของนางจ้าว อิ่ง หัวหน้าทีมของอาลีบาบากรุ๊ป บริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดของประเทศจีน ว่า ทางอาลีบาบาได้รายงานความคืบหน้าแผนการลงทุนโครงการ “Smart Digital Hub” ซึ่งได้เลือกพื้นที่ไว้แล้ว 1 แห่ง ยังคงยืนยันว่าอยู่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ไม่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิมากนัก เพื่อต้องการให้ได้เส้นทางสำหรับการขนส่ง โลจิสติกส์ที่สะดวกที่สุด โดยเตรียมประกาศพื้นที่ลงทุนดังกล่าวภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน เม.ย.นี้ โดยนายแจ็ก หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา จะเดินทางมาไทยตามกำหนดการที่วางไว้เพื่อยืนยันการลงทุนครั้งนี้เองด้วย

สำหรับเป้าหมายใน 4 โครงการลงทุนหลักที่ได้ร่วมพัฒนากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้แล้วนั้น ที่สามารถเริ่มได้ในอีกไม่ช้าคือการนำสินค้าเกษตรไทยทำการโปรโมตผ่านแพลตฟอร์มของอาลีบาบา ที่ทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ดำเนินการไปแล้ว เพื่อให้เป็นช่องทางการค้าขายออนไลน์เต็มรูปแบบ แต่จะต้องคู่ไปกับการที่อาลีบาบาพัฒนาทักษะดิจิทัลให้กับผู้ประกอบการรายใหม่ (startup)

ขณะเดียวกัน ทางอาลีบาบายังได้เข้าหารือกับทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในบ่ายวันนี้ (30 มี.ค. 2561) เพื่อที่จะเริ่มทำแผนการท่องเที่ยวโดยผ่านโครงการการท่องเที่ยวชุมชนในสเต็ปถัดไป และเข้าไปหารือกับกรมศุลกากร เพื่อลงรายละเอียดถึงระบบที่เรียกว่า ดิจิทัลคัสตอล (Digital Custal) ใหม่ จะทำอะไรให้สอดรับกับการค้าขายอีคอมเมิร์ซ ที่ไม่ใช่เฉพาะกับทางอาลีบาบาเท่านั้น

นอกจากนี้ อาลีบาบาได้เข้าไปหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ถึงสิทธิประโยชน์ในโครงการต่าง ๆ เป็นการมาอัพเดตต่อเพื่อความต่อเนื่อง ซึ่งสิทธิประโยชน์ที่ทางอาลีบาบาได้เคยหารือไว้นั้น ยังคงเป็นไปตามมาตรการและสิทธิประโยชน์การลงทุนตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอฉบับใหม่ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve) ซึ่งอุตสาหกรรมดิจิทัลจะได้รับการยกเว้นภาษีรายได้นิติบุคคลตั้งแต่ 8 ปี สูงสุดถึง 13 ปี (ตามเงื่อนไขที่กำหนด) และยังได้รับการลดหย่อนภาษีเพิ่มอีก 50% อีก 5 ปี เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ EEC และทางอาลีบาบาพอใจกับสิทธิประโยชน์ที่ไทยให้ จึงไม่ได้ขออะไรเพิ่ม ขณะที่รัฐบาลไทยก็ไม่ได้พิจารณาอะไรให้เพิ่มเช่นกัน