
ทาทา สตีล เผยรายได้จากการขายรวม 6 เดือน อยู่ที่ 12,282 ล้านบาท ลดลง 25% เหตุเศรษฐกิจโลกซบเซา จีนดันส่งออกเหล็กกระทบยอดขาย หวังรัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบฯลงทุนกระตุ้นอุตสาหกรรม สร้างความต้องการบริโภคเหล็กเพิ่ม
วันที่ 25 ตุลาคม 2566 นายตารุน คูมาร์ ดากา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (TSTH) เปิดเผยผลประกอบการของบริษัทไตรมาสที่ 2 ปีการเงิน 2567 (กรกฎาคม-กันยายน 2566) ว่ามีปริมาณการขายรวมอยู่ที่ 280,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 266,000 ตัน เนื่องจากยอดขายเหล็กเส้นดีขึ้นทั้งในประเทศและส่งออก แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณการขายอยู่ที่ 303,000 ตัน ลดลง 7% ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มเหล็กลวดและยอดขายส่งออกลดลง เป็นผลกระทบจากการนำเข้าเหล็กลวดจากประเทศจีน
- เช็กเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท เข้าบัญชีวันนี้ 5 จังหวัด
- วิธีเช็กเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท chongkho.inbaac.com
- เช็กเงื่อนไขกู้ “ออมสิน” ปลดหนี้นอกระบบ คุณสมบัติผู้กู้ต้องมีอะไรบ้าง ?
แต่ทั้งนี้ เมื่อดูยอดขายในประเทศไตรมาส 2 มีปริมาณ 249,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนและเทียบในช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อนลดลง ซึ่งมีปริมาณขายอยู่ที่ 255,000 ตัน ส่วนยอดการส่งออกไตรมาสนี้ ปริมาณอยู่ที่ 31,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนและเทียบช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อนลดลง ซึ่งมีปริมาณขายอยู่ที่ 48,000 ตัน ซึ่งได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวมีผลต่อการนำเข้า
และเมื่อดูยอดการขายรอบระยะเวลา 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 ปริมาณการขายของบริษัทอยู่ที่ 546,000 ตัน ลดลง 11% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการในประเทศได้รับผลกระทบจากการนำเข้าเหล็กลวดราคาถูกเพิ่มขึ้น รวมถึงยอดขายส่งออกที่ลดลงจากภาพรวมต่างประเทศที่ซบเซา อย่างไรก็ดี ทางบริษัทก็มีความคาดหวังจากภาครัฐในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่จะช่วยกระตุ้นและส่งเสริมเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจ เพราะจะส่งผลต่อการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น
สำหรับรายได้จากการขายในไตรมาส 2 ปีการเงิน 2567 รายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 6,080 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าไตรมาสก่อนอยู่ที่ 6,202 ล้านบาท และไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ที่ 7,625 ล้านบาท สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของตลาดและปริมาณการขายที่ลดลงสำหรับรายได้จากการขายรวมรอบระยะเวลา 6 เดือนอยู่ที่ 12,282 ล้านบาทลดลง 25% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
นายตารุนกล่าวอีกว่า ส่วนแนวโน้มธุรกิจไตรมาสที่ 3 ปีการเงิน 2567 (ตุลาคม-ธันวาคม 2566) สำหรับยอดรายได้ในไตรมาส 3 หรือทั้งปียังคงจะพยายามผลักดันธุรกิจให้เต็มที่ ส่วนในเป้าหมายการเติบโตของรายได้ยังไม่สามารถพูดได้ในตอนนี้ เพราะต้องยอมรับว่าสถานการณ์เหล็กมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อย้อนดูในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ประกอบกับธุรกิจในช่วงนี้ยังคงชะลอตัวเศรษฐกิจโลกยังคงต้องติดตามสถานการณ์การกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่สามารถควบคุมได้
อย่างไรก็ดี จากเศรษฐกิจที่ยังคงซบเซาความต้องการบริโภคเหล็กยังคงทรงตัว และคาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไปอีกสักระยะ ดังนั้นจึงคาดหวังการเบิกจ่ายการลงทุนของภาครัฐในปีงบประมาณ 2567 ซึ่งจะส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมภาคธุรกิจรวมถึงบริษัทด้วย ทั้งนี้ปริมาณการใช้เหล็กโดยรวมยังมองว่าใกล้เคียงจากปีก่อน เพราะยังมีแรงหนุนจากภาคบริการที่ดีขึ้นความชัดเจนของนโยบายภาครัฐ แต่ก็ยังคงถูกจำกัดในเรื่องของปัญหาหนี้ครัวเรือนยังสูง ผลกระทบจากภัยแล้ง ความต้องการจากภายนอกลดลง จึงส่งผลให้มีความชะลอตัว
ส่วนปัญหาค่าเงินบาทที่อ่อนค่ายังเป็นสิ่งที่ต้องติดตามรวมไปถึงการนำเข้าเหล็กลวดจากจีนที่สูงขึ้น โดยจากนี้บริษัทเองจะพัฒนาทั้งคุณภาพและบริการรวมไปถึงสินค้าเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภค รวมไปถึงการส่งมอบให้มีประสิทธิภาพและก็คาดหวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะส่งเสริมการใช้เหล็กที่มีคุณภาพมากขึ้นด้วย