พรุ่งนี้ ขึ้นราคาน้ำตาลหน้าโรงงาน 2 บาท อุ้มชาวไร่พ้นขาดทุน

อ้อย+น้ำตาล

พรุ่งนี้น้ำตาลหน้าโรงงานขึ้นราคา 2 บาท หลังชาวไร่แบกต้นทุนกระอัก ชี้ราคาตลาดโลกจูงใจส่งออกทำตลาดในประเทศตึงตัว

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 รายงานข่าวจากคณะทำงานบริหารความสมดุลในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลแจ้งว่า วันที่ 10 พ.ย.นี้ คาดว่าคณะทำงานจะหารือและได้ข้อสรุปเกี่ยวกับข้อเท็จจริงสถานการณ์อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล โดยเฉพาะเรื่องต้นทุนการผลิตอ้อยปีนี้ ฤดูการผลิต 2565/66 ที่สูงมากเฉลี่ย 12,000-13,000 บาทต่อไร่ ประกอบกับราคาน้ำตาลตลาดโลกยังสูงขึ้นอยู่ที่ระดับ 27-28 บาทต่อ กก. จูงใจผู้ผลิตส่งออกน้ำตาลไปต่างประเทศมากกว่าขายในประเทศ อาจทำให้ตลาดในประเทศตึงตัว

“ขณะนี้คณะทำงานที่รับข้อมูลรอบด้านมีความเข้าใจชาวไร่อ้อยดี เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีการอนุมัติให้ราคาน้ำตาลหน้าโรงงานปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 2 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เป็นระดับ 21-22 บาทต่อ กก. ขณะที่ราคาขายปลีกน่าจะยังควบคุมไว้ แต่จะอยู่ระดับใด คณะทำงานจะพิจารณาราคาที่เหมาะสมอีกครั้ง”

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญต้องยอมรับว่าต้นทุนราคาปุ๋ยสูงขึ้นเฉลี่ย 44% เพราะเป็นช่วงที่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ราคาน้ำมันสูงขึ้นเฉลี่ย 39% จากผลกระทบสงครามเช่นกัน รวมถึงต้นทุนยาปราบศัตรูพืช ค่าขนส่ง และผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง เพราะฝนตกน้อยลง ทำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยต้องสูบน้ำมากขึ้น กลายเป็นต้นทุนเพิ่มขึ้นจากกการใช้น้ำมันในเครื่องสูบน้ำ อีกทั้งภัยแล้งยังทำให้ผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อย (ยิลด์) ลดลงมากจากอ้อย 10-11 ตันต่อไร่ และเคยสูงสุด 12 ตันต่อไร่ เหลือ 9-10 ตันต่อไร่

ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ได้ออกประกาศขึ้นราคาน้ำตาลหน้าโรงงาน 4 บาทต่อ กก. จาก 19-20 บาทต่อ กก. เป็น 23-24 บาทต่อ กก. จากนั้นคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้ออกประกาศเป็นสินค้าควบคุม และกำหนดราคาน้ำตาลหน้าโรงงานกลับไป 19-20 บาทต่อ กก. ทำให้ชาวไร่ออกมาเคลื่อนไหวเตรียมปิดโรงงานน้ำตาล จึงมีการตั้งคณะทำงานบริหารความสมดุลในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลขึ้นมาเพื่อหาข้อยุติดังกล่าว