
ทาคูนิ กรุ๊ป บุกพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น พร้อมผนึกพันธมิตรผลิต จำหน่ายรถไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ ล่าสุด โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 ยังแกร่ง กวาดรายได้ 873 ล้านบาท กำไรสุทธิ 61.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.65% รับอานิสงส์ธุรกิจทดสอบความปลอดภัยเติบโตดี
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 นายกฤตพงศ์ อรชัยพันธ์ลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI เปิดเผยว่า ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับแก๊ส ไม่ว่าจะเป็นการจำหน่ายแก๊สหรือการจำหน่ายอุปกรณ์ติดตั้งระบบแก๊สปรับตัวลดลงไปตามการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทที่เปลี่ยนจากผู้ค้ามาตรา 7 ไปเป็นมาตรา 10
จึงหันไปรุกธุรกิจพลังงานสะอาดมากขึ้น โดยเฉพาะการร่วมมือกับพันธมิตรในการผลิตและจัดจำหน่ายรถไฟฟ้า (EV) ทั้งรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้า ทั้งรถกระบะ รถยนต์พาณิชย์ รถบัส
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2566 มีรายได้จากการให้บริการ 2,843.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.90% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,790.62 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 139.93 ล้านบาท ลดลง 19.78% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 174.43 ล้านบาท
ซึ่งการเติบโตของรายได้เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของบริษัท โดยบริษัทรับรู้รายได้ของบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจจัดสรรทรัพยากรบุคคล จำนวนทั้งสิ้น 180.47 ล้านบาท อันเป็นธุรกิจที่บริษัทเข้าลงทุนในเดือนธันวาคม 2565
นอกจากนี้ รายได้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขนส่งทางบก และทดสอบความปลอดภัยก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น อันเป็นความต่อเนื่องของกลยุทธ์เชิงรุกทางการตลาด โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบปีต่อปี เท่ากับ 3.14% 55.73% และ 17.41% ตามลำดับ
สำหรับแผนการดำเนินงานหรือยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจในอนาคต บริษัทจะมุ่งเน้นไปสู่ธุรกิจพลังงานสะอาดมากขึ้น ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ของโลกที่กำลังมาแรง และเป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลให้การสนับสนุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจรถไฟฟ้า
ซึ่งแผนงานในปีหน้าบริษัทจะมีการร่วมมือกับพันธมิตร ทั้งในประเทศและพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อร่วมมือในการผลิตและจัดจำหน่ายรถไฟฟ้า โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับธุรกิจใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธุรกิจปัจจุบันซึ่งยังถือเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้และเติบโตได้ดี ทั้งธุรกิจทดสอบความปลอดภัย และธุรกิจจัดสรรทรัพยากรบุคคล ก็ยังคงเดินหน้าขยายตัวต่อเนื่องควบคู่กันไป รวมถึงการมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในการดำเนินธุรกิจเพิ่มเติม
ผลการดำเนินงานของบริษัทสำหรับไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้น 127.27 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 14.60% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 112.57 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างต้นทุนการให้บริการด้วย
ส่งผลให้บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 61.12 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 14.65% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 53.31 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้จากการบริการ จำนวน 873.13 ล้านบาท ลดลง 69.49 ล้านบาท คิดเป็น 7.37% เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้จากการบริการเป็น 946.2 ล้านบาท
“การเติบโตของรายได้เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจ และบริษัทรับรู้รายได้ของบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจจัดสรรทรัพยากรบุคคล จำนวนทั้งสิ้น 60.2 ล้านบาท ซึ่งเราได้ลงทุนไปเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ขณะที่รายได้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขนส่งทางบก และทดสอบความปลอดภัยก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น อันเป็นความต่อเนื่องของกลยุทธ์เชิงรุกทางการตลาด”