หอการค้า เผยไทยรับอานิสงส์สงครามการค้าสหรัฐ-จีน 20,180 ล้านบาท คาดทั้งปีส่งออกโต 7.2%

หอการค้า เผยส่งออกไทยรับอานิสงส์สงครามการค้าสหรัฐ-จีน 20,180 ล้านบาท คาดทั้งปีส่งออกโต 7.1-7.2%

นายอัทธ์ พิศาลวาณิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผย “ผลกระทบจากสงครามการค้า สหรัฐอเมริกา-จีน ต่อประเทศไทย” พบว่า ไทยยังได้ประโยชน์จากการออกมาตรการกีดกันระหว่างจีนและสหรัฐ ส่งผลให้ไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าไปทั้ง 2 ตลาด คือ จีนและสหรัฐประเทศเพิ่มขึ้น 8,072-20,180 ล้านบาท ขยายตัว 0.10%-0.25% จึงคาดการณ์ว่าทั้งปี 2561 การส่งออกไทยจะขยายตัว 7.1-7.2% จากเดิม 7% ซึ่งจะมีผลต่อจีดีพีไทยขยายตัว 0.01%-0.04%

อย่างไรก็ตาม แม้จะพบว่าไทยจะได้รับผลกระทบจากเป็นห่วงโซ่การผลิตสินค้าให้กับทั้งสองประเทศและโอกาสที่สินค้าของทั้งจีนและสหรัฐจะส่งออกมาไทยก็ตาม แต่หอการค้าก็ยังมองเป็นผลดีมากกว่า

สำหรับสินค้าที่มีโอกาสจะส่งออกไปในตลาดสหรัฐเพิ่มขึ้น คือ ยางและผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รถไฟ และชิ้นส่วนประกอบ เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ขนส่งอื่นๆ และโอกาสที่สินค้าไทยที่จะส่งออกไปตลาดจีนมากขึ้น คือ ผลไม้ ข้าวสาลีและข้าวโพด แป้ง มอลต์ สตาร์ช ผลไม้แปรรูป เครื่องดื่ม อาหารสัตว์ ยาสูบ สารเคมี สบู่และผลิตภัณฑ์ทความสะอาด พลาสติก ยางและผลิคภัณฑ์ยาง เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก อะลูมเนียม และรถยนต์และชิ้นส่วนประกอบ

ในทางกลับกันจากการออกมาตรการกีดกันทางการค้าของจีนและสหรัฐ ก็ส่งผลกระทบต่อโอกาสในการส่งออกสินไปในสองตลาด เช่น ตลาดจีน สินค้าที่อาจจะได้รับผลกระทบ เช่น เนื้อสัตว์ ถั่วเหลือง ฝ้าย และเครื่องบินและชิ้นส่วนอุปกรณ์ และตลาดสหรัฐ มีสินค้าที่อาจจะได้รับผลกระทบ เช่น สารเคมี ยา เหล็กและผลิตภัณฑ์จากเหล็ก อะลูมิเนียม รถยนต์และชิ้นส่วนอุปกรณ์ เครื่องบินและชิ้นส่วนประกอบ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรมอื่น เช่น นาฬิกา อาวุธ มีผลให้ส่งออกน้อยลง

นายอัทธ์ กล่าวว่า หากมีการปรับขึ้นภาษีสินค้าในกลุ่มเครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ 25% มูลค่าการส่งออกที่เสียไป 324.6 ล้านบาท หรือหากขึ้นภาษีต่ำสุด 10% มูลค่าการส่งออกที่เสียไป 129.8 ล้านบาท

ส่วนการส่งออกไปสหรัฐก็ยังเป็นสินค้าในกลุ่มเครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ เช่นกัน โดยหากขึ้นภาษี 25% มูลค่าส่งออกที่หายไป 143.2 ล้านบาท และหากขึ้นภาษี 10% มูลค่าส่งออกที่หายไป 53.7ล้านบาท และยังมีโอกาสที่สินค้าของทั้งสองประเทศจะส่งออกมาไทยก็เพิ่มขึ้น เช่น จีนจะส่งออกเครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนสหรัฐจะส่งออกถั่วเหลือง และพืชน้ำมันมาเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี หอการค้า ยังมีขอเสนอให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวจ้องในการร่วมกันผลักดัน คือ การสร้างห่วงโซ่การผลิตของจีนและสหรัฐ ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งโอกาสทำและเป็นไปได้มีมากกว่า การสร้างความร่วมมือทางการกับสหรัฐ เช่น FTA ไทน-สหรัฐ ภายใต้ผลประโยชน์ของประเทศ การผลักดัน อาเซป หรือ อาเซียน +6 (RCEP) ให้เป็นรูปธรรมด้วย