
“ศุภชัย เจียรวนนท์” ประธานกรรมการ CP Axtra เดินหน้าตอกย้ำนโยบายแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ส่งเสริม “เอสเอ็มอี-เกษตรกรไทย” ปักหมุดบนเวทีโลก ย้ำเป้าหมายขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ความยั่งยืน
วันที่ 7 มีนาคม 2567 นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CP Axtra กล่าวว่า ธุรกิจค้าปลีกเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยบนเวทีโลก ซึ่งปัจจุบันเครือซีพีมีธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจค้าส่ง ทั้งรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์อยู่ในประเทศไทย จีน มาเลเซีย อินเดีย กัมพูชา เมียนมา และจะขยายไปอีกหลายประเทศ ภายใต้แบรนด์ และรูปแบบร้านค้าที่หลากหลาย
ซึ่งยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนธุรกิจค้าปลีกค้าส่งของซีพี แอ็กซ์ตร้า มีทั้งเป้าหมายทางธุรกิจ และด้านความยั่งยืนควบคู่กัน มีเป้าหมายใหญ่ในการเข้าสู่องค์กรที่มีคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
ย้ำนโยบายแพลตฟอร์มแห่งโอกาส
ในธุรกิจค้าปลีก การวางเป้าหมายเรื่องการจัดการขยะเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งซีพี แอ็กซ์ตร้า มีกระบวนการ 5 Rs คือ Re-educate สร้างความตระหนักรู้ ให้ผู้บริโภคลดการสร้างของเสีย Reduce ลดใช้พลาสติก Recycle การรีไซเคิลพลาสติก Replace การใช้วัสดุทดแทน และ Reinvent การค้นคว้าวิจัย และสร้างนวัตกรรม
“การขับเคลื่อนองค์กรเพื่อที่จะประสบความสำเร็จบนเวทีโลกที่ซับซ้อน จำเป็นต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว และมีคุณภาพ เพื่อนำบริษัทในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกของเครือ ซี.พี.ขยายธุรกิจและแข่งขันกับผู้ประกอบธุรกิจในเวทีระดับโลกได้”
อีกยุทธศาสตร์ที่สำคัญ คือการเติบโตไปพร้อมกับคู่ค้า ด้วยความแข็งแกร่งของช่องทางการจัดจำหน่าย ทั้งในและต่างประเทศ จะช่วยสนับสนุนกลยุทธ์ ‘แพลตฟอร์มแห่งโอกาส’ กับเป้าหมายในการเสริมความสามารถการแข่งขันของประเทศไทย ในระบบเศรษฐกิจโลกยุคหลังวิกฤตโควิด ด้วยการสร้างแพลตฟอร์มให้บริษัทเอสเอ็มอีจากประเทศไทย และผลิตภัณฑ์ของคนไทย เพิ่มศักยภาพการทำธุรกิจให้ได้มากที่สุด
“เราต้องการให้ธุรกิจค้าปลีกของเราทั่วโลกทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มให้กับเกษตรกร ผู้ผลิต และ SMEs ไทยนับหมื่น ๆ ราย ให้นำผลผลิตและสินค้าไปขายทั้งช่องทางในประเทศและต่างประเทศ ถือเป็นการขยายช่องทางค้าปลีกในตลาดโลกให้มากขึ้นสำหรับสินค้าไทย โดยเฉพาะผลผลิตทางการเกษตร และอาหารสด คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยสานฝันของประเทศไทยในการเป็น ครัวของโลก”
เสริมแกร่ง SMEs-เกษตรกรไทย
นายศุภชัยกล่าวด้วยว่าร้านค้าของเครือ ซี.พี.จะทำหน้าที่เสมือนท่อธุรกิจที่ลำเลียงนำธุรกิจขนาดเล็ก ๆ จากประเทศไทยให้เข้าสู่ตลาดใหม่ได้ พร้อมกับนำผลผลิตและสินค้าของไทยไปนำเสนอสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจของเขาเอง ตลอดจนเสริมสร้างความแข็งแกร่งในทุกสถานการณ์ (Resilience)
และในภาพใหญ่ระดับประเทศ ประธานกรรมการ ซีพี แอ็กซ์ตร้า มองว่า นอกจาก SMEs แล้ว การยกระดับเกษตรกรมีความสำคัญมาก ซึ่งการจะยกระดับประเทศ จากประเทศเกษตรกรรม ไปสู่อุตสาหกรรมเกษตรยุคใหม่จะต้องปฏิรูประบบ ผ่านรูปแบบที่น่าจะทำต่อเนื่อง คือ PPP (Public Private Partnership)
“เดิมเรามีโครงการประชารัฐ ก็สามารถทำเป็นประชารัฐเพื่อการปฏิรูปการเกษตร เพราะยังมีเรื่องเทคโนโลยี ต้องทำควบคู่กันไป ต้องนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าสินค้า บางคนอาจมองว่าจะช่วยเพิ่มผลผลิต 3-5 เท่า แล้วถ้าผลผลิตออกมามาก สินค้าล้นตลาด ราคาตกจะทำอย่างไรจึงต้องทำต่อไปถึงการแปรรูป การทำแพ็กเกจจิ้ง และทำการตลาด สร้างแบรนด์ ต่อยอดให้สินค้าอาหารไทย ซึ่งซีพี แอ็กซ์ตร้า มีช่องทางจัดจำหน่าย และโครงการที่ช่วยเหลือเกษตรกรรองรับอยู่แล้ว”
แนะสร้างแบรนด์สินค้าไทย
นายศุภชัยกล่าวว่า ปัจจุบันอาหารไทยเป็นสินค้าที่อยู่ระดับต้น ๆ ของโลก ถ้าแต่ละอำเภอ แต่ละจังหวัด ทำแบรนด์สินค้า 10 สินค้า นำไปสู่การส่งออก สร้างแบรนด์ แค่นักท่องเที่ยวจีนที่มาเมืองไทยซื้อของฝากกลับไปก็พอแล้ว และนี่คือ “ซอฟต์พาวเวอร์ แบรนดิ้ง”
“ถ้าปลดล็อกเรื่องเหล่านี้ สร้างระบบนิเวศที่ถูกต้อง เศรษฐกิจจะเติบโตขึ้นมาเอง เหมือนประเทศจีน พอปลดล็อกก็เติบโต จากประเทศที่มีประชากรที่อดอยากค่อนประเทศ กลายเป็นประเทศที่เกือบจะเรียกว่าเศรษฐกิจใหญ่สุดในโลก หากไทยทำตอนนี้ไม่ช้าไป”
และที่ผ่านมาก็ถือว่าทำมาพอสมควรหลายด้าน ภาคเกษตร คิดเป็นประชากร 1 ใน 3 ของประเทศ ถ้าสูญเสียทรัพยากรเหล่านี้ เด็กรุ่นใหม่ไม่ทำเกษตรกัน โอกาสที่ไทยจะเป็นคลังอาหาร เป็นความมั่นคงทั้งระดับภูมิภาคหรือระดับโลก จะหายไปพร้อม ๆ กัน ถ้าแก้ได้ จีดีพีเกษตรตอนนี้ 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเวลาไม่นานต้องไปถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
ประธานกรรมการ ซีพี แอ็กซ์ตร้า กล่าวอีกว่าปัจจุบัน โลตัส ในฐานะห้างค้าปลีกชั้นนำในประเทศไทย และเป็น SMART Community Center มีแนวทางการบริหารจัดการปัญหาขยะอาหาร เพื่อมีส่วนร่วมขับเคลื่อนนโยบายด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม และลดปัญหาขยะฝังกลบในประเทศไทย มีกระบวนการบริหารจัดการ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อลดการสูญเสียของอาหารและขยะอาหาร รวมถึงโครงการริเริ่มต่าง ๆ ที่โลตัสได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายด้านความยั่งยืน ในประเด็นลดขยะอาหารให้เป็นศูนย์ (Zero Food Waste) ภายในปี 2573
ย้ำบทบาทมิตรแท้โชห่วย
ในขณะที่เป้าหมายด้านการส่งเสริม เอสเอ็มอี ผ่านแพลตฟอร์มแห่งโอกาส แม็คโคร ผู้นำธุรกิจค้าส่ง ภายใต้บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ร่วมมือกับพันธมิตร และหน่วยงานราชการ เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พัฒนาศักยภาพร้านค้าปลีกรายย่อยหรือโชห่วย รวมถึงกลุ่มธุรกิจโฮเรก้าให้แข่งขันได้ในตลาด พร้อมวางแผนเปิดพื้นที่จำหน่ายสินค้าเอสเอ็มอี ทั้งในแม็คโคร-โลตัส เพื่อสร้างโอกาสทางการขาย ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นสู่ความยั่งยืน
และมีโครงการส่งเสริมโชห่วย และให้ความรู้กับเอสเอ็มอีในการปรับตัว ส่งเสริมการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์รวมถึงส่งเสริมเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพเพื่อเพิ่มโอกาสในการบุกตลาดต่างประเทศอีกด้วย
“เราถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านบริหารจัดการร้านค้าปลีกแก่สมาชิกร้านโชห่วยที่ปัจจุบันมีกว่า 500,000 รายทั่วประเทศ โดยเฉพาะร้านมิตรแท้โชห่วยให้ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปีนี้ตั้งเป้าขยายร้านมิตรแท้โชห่วยเพิ่มเป็น 3,000 แห่งทั่วประเทศ”
ส่วน “แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี” ในฐานะคู่คิดธุรกิจร้านอาหาร มีสมาชิกผู้ประกอบการกว่า 690,000 ราย เดินหน้าสนับสนุนธุรกิจร้านอาหารให้ต่อยอดธุรกิจ นำเทคโนโลยีและไอเดียใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ เพิ่มพูนทักษะการบริหารจัดการธุรกิจด้านต่าง ๆ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา