นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงผลประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณากรอบเพดานค่าโดยสารสายการบินต่างๆ ที่ให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศ โดยเฉพาะสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) โดยกำหนดให้ปรับลดค่าโดยสารลง จากสูงสุดไม่เกิน 13 บาท/ก.ม. เป็น สูงสุดไม่เกิน 9.40 บาท/ก.ม.
ส่วนสายการบินที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (ฟูลเซอร์วิส) กำหนดให้ใช้ค่าโดยสารอัตราเดิมคือไม่มีการเปลี่ยนแปลงคือไม่เกิน 13 บาท/ก.ม.
สำหรับเพดานอัตราค่าโดยสารใหญ่ของโลว์คอสต์ ยอมรับว่าอาจส่งผลกระทบกับสายการบิน จึงมอบหมายให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ไปเปิดรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายโดยเฉพาะสายการบินเกี่ยวกับสูตรการคำนวนอัตราค่าโดยสารเพื่อให้สามารถปฏิบัติไปในทางเดียวกัน โดยให้นำข้อสรุปกลับมาเสนอที่ประชุม กบร. อีกครั้งภายใน 3 เดือน
ด้านนายจุฬา สุขมานพ ผอ.กพท. กล่าวว่า กพท. จะต้องหารือทำความเข้าใจเกี่ยวกับเพดานอัตราค่าโดยสารใหม่กับสายการบินโลว์คอสต์อีกครั้ง เพื่อให้ได้รายละเอียดที่ชัดเจน ส่วนสายการบินฟูลเซอร์วิซ นั้นจะใช้เพดานค่าโดยสารเดิมคือ ไม่เกิน 13 บาท/ก.ม. แต่จะมีการกำหนดเงื่อนไขการให้บริการว่าจะต้องมีบริการให้บริกรน้ำหนักสัมภาระ ฟรีขั้นต่ำ 20 กิโลกรัม, มีอาหารเครื่องดื่ม บริการและต้องสามารถเลือกที่นั่งได้ด้วย
คาดว่า กพท. จะนำเสนอข้อสรุปเรื่องอัตรค่าโดยสารใหม่และเงื่อไขการให้บริการ เสนอให้ที่ประชุม กบร. พิจารณาอนุมัติได้ในเดือน ก.ค. เพื่อให้ รมว.คมนาคม ใช้อำนาจลงนามออกประกาศเพื่อบังคับใช้ต่อไป
“การปรับลดเพดานราคาสูงสุดของโลว์คอสต์ลงมาอยู่ที่ ไม่เกิน 9.40 บาท/ก.ม. นั้นหลายคนอาจจะมองว่าไม่มีผลต่อราคาค่าโดยสารที่ลดลง เพราะปัจจุบันราคาตั๋วโลว์คอสต์ที่ขายกันอยู่นั้นมีราคาถูกกว่าเพดานราคาสูงสุดอยู่แล้ว คือเฉลี่ยประมาณ 4-5 บาท/ก.ม. เท่านั้น ส่วนที่เก็บเต็มเพดาน หรือใกล้เคียงกับเพดานมักจะเป็นตั๋วช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่มีความต้องการเดินทางมาก หรือตั๋วที่จองซื้อแบบกระชั้นชิด ซึ่งเพดานใหม่จะส่งผลดีเป็นประโยชน์ต่อคนกลุ่นนี้ เพราะราคาเพดานสูงสุดอัตราใหม่จะมีราคาที่ถูกลงจากเพดานเดิมประมาณ 27%”
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์