หอการค้าไทย-จีน แนะปรับขาดดุลการค้า เป็นกำไร ดึงทุนพันธมิตรจีนผลิตสินค้า ใช้วัตถุดิบราคาถูกจากจีนบดต้นทุนส่งออก สร้างรายได้เข้าประเทศ มั่นใจ GDP ไทยปี 2567 โตทะลุ 3% ปัจจัยบวกจาก รายได้ดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย 10 ล้านคนหลังฟรีวีซ่า ขณะที่ภาคการลงทุนทุนจีนโดยเฉพาะ EV อิเล็กทรอนิกส์ พลังงานหมุนเวียน ยา แห่มาตั้งฐานไทย
วันที่ 5 เมษายน 2567 นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทยจีน เปิดเผยว่า นักธุรกิจจีนในประเทศไทยมีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 3% โดยมีแรงหนุนหลักมาจากรายได้ของการท่องเที่ยว การลงทุน และการส่งออกสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าสูงขึ้น ผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้ผลผลิตทั่วโลกลดลง
“ปีนี้ผมมองว่าถึงแม้จะมีปัจจัยที่มาเกี่ยวข้อง แต่ในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ความเชื่อมั่นดี เศรษฐกิจไทยจะเติบโตจากรายได้ของการท่องเที่ยวโตขึ้นและการลงทุนโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากนักลงทุนจีน ที่จะหันมาลงทุนในประเทศไทย เพราะปัญหาในยุโรปยังไม่จบ ดังนั้น เราต้องปรับมาตรการลดข้อจำกัดของมาตรการบีโอไอ เพื่อส่งเสริมการลงทุน”
อย่ากังวลขาดดุลการค้า
นายณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า กรณีการที่ประเทศไทยขาดดุลการค้าให้กลับประเทศจีน ในปี 2567 ถึง 1.3 ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านมานั้น ส่วนตัวมองว่าการนำเข้า ไม่ได้กระทบสินค้าทุกตัว เพราะตนมีธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าปิโตรเคมีบางตัว ซึ่งได้ประโยชน์
“ช่วงนี้จะมีสินค้าจากจีนที่โอเวอร์ซัพพลายจากปัญหาของภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว การก่อสร้างถนนรถไฟอิ่มตัวพอสมควร และจากปัญหาภูมิลักษณะในภูมิภาคยุโรปและสหรัฐ ก็จะมีการส่งมาขายในอาเซียน รวมถึงไทยมากขึ้น แต่ขอให้มองลงไปในรายละเอียดของสินค้านำเข้า เพราะจีนถือเป็นแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญ ซึ่งหากใครนำเข้าวัตถุดิบจากจีนมาผลิตสินค้าและนำไปส่งออกก็จะสร้างรายได้ และกำไรกลับมาให้ประเทศ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางหอการค้าไทย-จีน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจมีการหารือกันมาโดยตลอด
โดยแนวทางแก้ปัญหาสำคัญที่เราพยายามผลักดันคือเราเราอาจจะปรับโครงสร้างลดการผลิตลงและหันไปนำเข้า หรือควรจะดึงผู้ผลิตจากจีนเป็นพันธมิตร ผลิตแล้วก็ลงทุน เพราะอย่างน้อยเชื่อว่าเราจะได้รับรายได้จากค่าที่ดินการจ้างงานและการถ่ายทอดเทคโนโลยี
“ไทยมีกฎหมายที่ดูแลธุรกิจต่างด้าวที่เราถือหุ้นสัดส่วน 51% จึงถือหุ้น 49% อย่างไรก็ได้ประโยชน์เพราะว่าเราสามารถเข้าตลาดของเขาได้มากขึ้น และได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี”
ส่งสินค้าไทยบุกตลาดจีนกลับคืน
อีกด้านหนึ่ง ไทยมีโอกาสทำตลาดในจีนซึ่งมีประชากร 1,400 ล้านคน เราเอาคืนได้เพิ่มขึ้น 1-2% ซึ่งถือว่าไทยเก่งแล้ว และหากไทยและจีนมีความสัมพันธ์กันในระยะยาว เชื่อว่าไทยจะสามารถผลักดันการส่งออกได้มากขึ้น เพราะภูมิภาคต่าง ๆ ในจีนเทียบกับประเทศไทยได้ 20 ประเทศ จีนนับได้ว่าเป็นแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญของไทย หากมีการนำเข้ามาผลิตและส่งออกไปก็จะบันทึกเป็นกำไรกลับมาที่ประเทศไทย
ในส่วนของหอการค้าไทยจีนเตรียมนำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติครั้งที่ 7 (CIIE ครั้งที่ 7) ซึ่งจะจัดในวันที่ 5-10 พฤศจิกายน 2567 ที่นครเซี่ยงไฮ้ โดยคาดหวังว่างานนี้จะสร้างโอกาสให้กับสินค้าไทยให้สามารถขยายเข้าไปสู่ตลาดจีนได้มากขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่เคยมีการนำนักธุรกิจเข้าร่วมงานครั้งก่อน ทำให้มีเงินสะพัดมากกว่า 1,000 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งในครั้งนี้เรามุ่งที่จะนำกลุ่มผู้ประกอบการในธุรกิจอาหารออกไปขยายตลาดเพราะว่าเป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพ เป้าหมายจำนวน 50 บูท
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาจีนมีการนำเข้าสินค้า 274,000 ร้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าผ่านระบบ e-commerce ข้ามพรมแดนมีมูลค่ามากถึง 141,720 ร้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นถึง 7%
ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% สินค้านำเข้าไม่กระทบ
“กรณีที่รัฐบาลจะมีการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT 7% ซึ่งจะบังคับใช้ในเดือนพฤษภาคมนี้ ยังมองว่าเป็นอัตราที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อการค้า e-commerce ข้ามพรมแดน สินค้าจากจีนถือว่าเป็นสินค้าที่มีราคาถูกผมว่าการเรียกเก็บภาษีนี้ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ เดิมทีสินค้าจีนได้เปรียบโดยเฉพาะสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท ที่นำเข้ามาโดยไม่เสียภาษี ซึ่งการขึ้น vat 7% ไม่กระทบเพราะว่าเราคุ้นเคยกับสินค้าจีน โดยเฉพาะสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ การปรับขึ้นครั้งนี้สมมติสินค้าราคา 100 บาทก็จะเพิ่มขึ้น 7 บาทซึ่งก็ถือว่าไม่มากและเป็นการสร้างความยุติธรรม”
การส่งเสริมเรื่องของการค้าออนไลน์ถ้าเขามาตั้งในประเทศไทยเราอาจจะซื้อสินค้าขึ้นมาแพงขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังสามารถขายได้ และอีกด้านหนึ่งสินค้าไทยก็จะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
ชูความได้เปรียบต้นทุนโลจิสติกส์-เอฟทีเอ
นายณรงค์ศักดิ์ยังชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันไทยและจีนมีความตกลงเปิดเขตการค้าเสรีในระดับภูมิภาค RCEP และความตกลงอาเซียนจีน ทั้งยังมีสิทธิพิเศษทางด้านภาษีหรือที่เรียกว่ามุมน้ำเงิน
นอกจากนี้จีนยังให้สิทธิประโยชน์ในการให้ส่วนลดค่ารถไฟจีน-ลาว-ไทย ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งในปี 2556 ถูกลงกว่าปี 2565 ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสในการขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศจีนโดยผ่านเส้นทางรถไฟโดยเฉพาะการขนส่งไปทางตะวันตกซึ่งเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยอุตสาหกรรม และมีประโยชน์ต่อการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบอย่างเช่นปุ๋ยเคมี
นักลงทุนจีน มั่นใจลงทุนในประเทศไทย
นายณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า ด้านการลงทุน นักลงทุนจากจีนให้ความสนใจในการลงทุนไทยเป็นอย่างมาก สะท้อนจากที่มีการจัดงานประชุมนักธุรกิจจีน (WCEC) ครั้งที่ 16 เมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ซึ่งมีนักธุรกิจจีนเดินทางเข้ามาถึง 4,000 คน พวกเขารู้จักประเทศไทยมากขึ้น และจากวันนั้นจนถึงปัจจุบันนี้ผ่านมา 9 เดือน ทางหอการค้าได้ไปเยือนมณฑลต่าง ๆ ในประเทศจีนมากถึง 10 มณฑล
เช่น ฝูเจี้ยน ปักกิ่ง ซัวเถา กวางตุ้ง ชิงไห่ เซี่ยงไฮ้ หูเป่ย์ ไห่หนาน ยูนนาน เจ้อเจียง และกานซู และมีนักลงทุนจีนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยจำนวนมาก ผ่านทางคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งเราเห็นอยู่แล้วว่ามีนักลงทุน EV ที่เข้ามาลงทุนในไทย 6 ราย
นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนที่เข้ามาโดยไม่ผ่าน BOI ด้วย เช่น การลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ และการลงทุนที่เข้ามาผ่านทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
“งาน WCEC ทำให้คนรู้จักประเทศไทยมากขึ้น บางคนยังไม่เคยเดินทางมาประเทศไทยเลย แต่จากการเดินทางมาครั้งนั้น ทำให้เขามั่นใจว่าประเทศไทยมีความปลอดภัย และประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการดูแลประชาชนจากโควิดได้เป็นอย่างดี”
โดยอุตสาหกรรมเป้าหมายสำคัญนอกจาก EV และชิ้นส่วนประกอบของ EV แล้วยังมีสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ พลังงานทดแทนยา และเฟอร์นิจอร์ เป็นต้น
“ฟรีวีซ่า” ดูดนักท่องเที่ยวบุกไทย 10 ล้านคน
นายณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า นโยบายฟรีวีซ่าที่ผ่านมาในช่วง 2 เดือน ทำให้ประเทศไทยได้รับอานิสงส์ เพราะหากเปรียบเทียบกันแล้ว นักท่องเที่ยวจากไทยเดินทางไปจีนคงจะน้อยกว่านักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางมาไทย ซึ่งเท่าที่ประเมินคาดว่าในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทย 8-10 ล้านคน จัดส่งผลให้ภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวถึง 30 ล้านคนตามเป้าหมาย ซึ่งนับว่าเป็นอัตราที่สูงเกือบเทียบเท่าช่วงก่อนโควิด
และผลดีทางอ้อมคือ เมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทำให้สายการบินมีการแข่งขันและมีจำนวนเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ราคาค่าตั๋วลดลงจากก่อนหน้านี้
“สิ่งที่สำคัญคือเราเห็นพฤติกรรมผู้นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่จะมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่ ใช้โรงแรม 3 ดาว ก็เปลี่ยนมาเป็น group ขนาดเล็กที่ท่องเที่ยวเองและใช้เงินต่อหัวจำนวนมากขึ้น แล้วมุ่งไปใช้บริการโรงแรม 5 ดาว ซึ่งเป็นผลมาจากภาพลักษณ์หลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเดินทางมายังประเทศไทยจึงทำให้คนจีนอยากมาพักที่โอเรียนเต็ล โฟรซีซั่น มากขึ้น”
มุมมอง 6 เดือนรัฐบาล
“ผมมองว่ารัฐบาลในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาดำเนินการไปได้หลายเรื่องแต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ ซึ่งรัฐบาลนี้ก็ทำงานอย่างเข้มข้นอย่างทางหอการค้าไทยจีนก็ได้พบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มากถึง 10 ครั้งมีการผลักดันแนวทางการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ร่วมกันมาตลอด”
ในส่วนมาตรการเรื่องการดูแลราคาน้ำมัน มองว่าทางภาคเอกชนต้องการให้ระดับราคานิ่ง เพื่อจะมีผลต่อการวางแผนการผลิต
ส่วนค่าไฟฟ้าของประเทศไทยยังมีต้นทุนที่สูงเมื่อเทียบกับประเทศต่าง ๆ ในเอเซีย แต่ข้อดีก็คือประเทศไทยมีไฟใช้เพียงพอจะเปิดไฟเมื่อไหร่ก็มีไฟพร้อมใช้ตลอดเวลา
สำหรับต้นทุนค่าแรงในภาคเอกชน มองว่านับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลมีการปรับขึ้นค่าแรงเป็นรายพื้นที่ตามศักยภาพของแต่ละพื้นที่ ซึ่งประเด็นนี้อาจจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก เพราะปัจจุบันผู้ผลิตมีการจ่ายค่าแรงสูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ
ขณะที่อัตราดอกเบี้ย เราจะมองว่าดอกเบี้ย 5-6% อาจจะไม่สูงหากเทียบเท่ากับสมัยก่อนที่มีอัตราดอกเบี้ย 10 ถึง 11% แต่สิ่งที่สำคัญที่ห่วงก็คือภาคเอกชนโดยเฉพาะ SMEs จะต้องเข้าถึงแหล่งเงินทุน
เศรษฐกิจจีนยังเติบโต
นายณรงค์ศักดิ์กล่าวถึง มุมมองต่อเศรษฐกิจจีนในปี 2567 ว่ายังคงมีแนวโน้มเติบโตแต่อาจจะชะลอตัวลงจากปีก่อน เพราะภาคอสังหาริมทรัพย์ไม่ฟื้นและการผลิตเพื่อส่งออกไปยังสหภาพยุโรปและอเมริกายังติดอุปสรรคในเรื่องของจีโอโพลีติก ส่งผลให้สินค้าที่จีนผลิตอาจจะต้องหาช่องทางระบายมายังประเทศอาเซียน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะไทยแต่ยังมีทั้งเวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย
ดังนั้น เราจึงมองว่าไทยจะต้องปรับแผน จากเดิมที่ไทยเป็นผู้ผลิตเพื่อการส่งออกก็ต้องหันมาปรับลดการผลิตและเปลี่ยนมาเป็นผู้นำเข้าไม่ต้องไปผลิตสินค้าแข่งกับจีน เพราะว่าเราจะสู้ต้นทุนของจีนไม่ได้ เนื่องจากการสนับสนุนของทางภาครัฐบาลจีน อีกทั้งปริมาณการผลิตที่มีมาก ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำกว่า
5 แนวทางการทำงานหอการค้าจีน
สำหรับแนวทางการดำเนินการของหอการค้าไทยจีนในปี 2567-2568 นั้น คณะกรรมการหอการค้ายังคงเดินหน้า 5 พันธกิจสำคัญ ได้แก่ 1) การทำหน้าที่สะพานเชื่อมระหว่างไทยและจีนทุกมิติ 2) การเผยแพร่เรื่องราวที่ดีของประเทศจีน 3) การส่งเสริมการค้าการลงทุนเข้ามาในประเทศไทย 4) การผลักดันและความร่วมมือ สร้างโอกาสให้กับเศรษฐกิจการค้าการลงทุนการท่องเที่ยวและด้านพลังงาน และ 5) การส่งเสริมให้มีการดำเนินการประชาคมไทย-จีน
- พาณิชย์ MOU สภาหอการค้าฯ-ม.หอการค้าไทย ดันทายาทสานต่อธุรกิจครอบครัว
- หอการค้านำทัพเอกชนปักหมุด “International Mega Fair 2024” กัมพูชา-ซาอุฯ
- หอการค้า-เอสเอ็มอี รับได้ขึ้นค่าแรง 400 บาท 10 จังหวัด คาดช่วยดึงแรงงานกลับสู่ระบบ
- หอการค้าไทย มองเศรษฐกิจไทยปี 2567 โต 3.2% เสนอคุมดอกเบี้ยช่วย SMEs
- PDPA บังคับใช้ 1 มิ.ย. 2567 หอการค้าไทยผนึกพันธมิตรเสริมความรู้