บุหรี่เถื่อนทะลัก 7 จังหวัดใต้ รายได้ภาษี อบจ. วูบ 41% 

แฟ้มภาพ

นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ร่วมกับนิด้าโพล สำรวจความคิดเห็นของร้านค้าในเขตพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ได้แก่ จ.ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส จำนวน 1,157 ร้านค้า ต่อสถานการณ์ปัญหาบุหรี่เถื่อน เมื่อช่วงวันที่ 12-30 มี.ค. 2561 ที่ผ่านมา ปรากฎว่า ร้อยละ 50 เห็นว่าในจังหวัดของตนมีการค้าบุหรี่เถื่อนกันอย่างแพร่หลาย

ทั้งนี้ จังหวัดที่มีปัญหาบุหรี่เถื่อนรุนแรงมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สงขลา สตูล นราธิวาส โดยร้านค้ามองว่าปัจจัยที่เป็นตัวเร่งให้ปัญหาบุหรี่เถื่อนรุนแรงขึ้น ได้แก่ ภาษีและราคาบุหรี่ถูกกฎหมายที่สูงขึ้นต่อเนื่องทุกปีในช่วงที่ผ่านมา จนตอนนี้บุหรี่ถูกกฎหมายต้องเสียภาษีมากถึง 8 ประเภท เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้บุหรี่เถื่อนแพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2560 เมื่อมีการปรับโครงสร้างพร้อมกับขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่และเรียกเก็บภาษีเพื่อมหาดไทยที่ไม่เคยต้องเสียมาก่อนหน้านั้น ทำให้ราคาบุหรี่ถูกกฎหมายพุ่งขึ้นจากเดิมราคาต่ำสุดซองละ 40 บาท ตอนนี้เป็นซองละ 60 บาท เทียบกับบุหรี่เถื่อนภาคใต้ราคาถูกที่สุดเพียงซองละ 10 บาท นี่เองที่เป็นแรงจูงใจทั้งมิจฉาชีพและผู้บริโภค

นางวราภรณ์ กล่าวต่อว่า ที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้น คือข้อมูลขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา พบว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 ภาษี อบจ.จากการค้ายาสูบในพื้นที่เก็บได้ทั้งสิ้น 7.2 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 41 จากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ 2560 ที่เก็บได้ 12.2 ล้านบาท ซึ่งหมายถึงปริมาณการซื้อขายบุหรี่ถูกกฎหมายลดลงร้อยละ 41 เช่นกัน

ด้วยภาวการณ์เช่นนี้ หากในเดือน ต.ค. 2562 ก็จะมีการขึ้นภาษีบุหรี่อีกครั้ง ส่งผลให้บุหรี่ถูกกฎหมายราคาพุ่งขึ้นอีกระลอก จากตอนนี้ราคาถูกที่สุดซองละ 60 บาท ก็อาจกลายเป็นซองละ 70-80 บาทได้ในปี 2562 ซึ่งอาจทำให้บุหรี่เถื่อนทะลักเข้าไทยมากขึ้นอีก จึงอยากวิงวอนรัฐบาลให้ชะลอการขึ้นภาษีบุหรี่ออกไปก่อน เพื่อมิให้เป็นการซ้ำเติมร้านค้าและมิให้เป็นการเพิ่มแรงจูงใจของมิจฉาชีพค้าบุหรี่เถื่อน พร้อมทั้งการเพิ่มบทลงโทษตามกฎหมาย การปราบปรามจับกุมอย่างเข้มข้น และการสืบสวนดำเนินคดีอย่างจริงจัง ซึ่งการดำเนินการทั้งสามนี้ร้านค้ามองว่าเป็นมาตรการที่น่าจะช่วยแก้ปัญหาบุหรี่เถื่อนได้มากที่สุดด้วย

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์