ค่าครองชีพสูง-การเมืองฉุด ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค มิ.ย. 67 ปรับลด 4 เดือนติด

ธนวรรธน์ พลวิชัย
ธนวรรธน์ พลวิชัย

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค มิ.ย. 2567 อยู่ที่ระดับ 58.9 ปรับลด 4 เดือนติด เหตุกังวลเศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูง การเมืองกระทบ

วันที่ 11 กรกฎาคม 2567 นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนมิถุนายน 2567 อยู่ที่ระดับ 58.9 ลดลงจาก 60.5 ในเดือนพฤษภาคม 2567 ปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566

ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค หลักมาจาก เช่น ค่าครองชีพที่สูงขึ้น จากสถานการณ์ราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ประปา ในขณะที่รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้น กำลังซื้อหดตัว ภาวะหนี้ครัวเรือนในระดับสูง การเมืองไม่นิ่ง โดยผู้บริโภคมีความกังวลกับการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีสถานภาพของนายกรัฐมนตรี เพราะจะมีผลต่อการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

ทั้งนี้ หากมีการปรับเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี จะมีผลต่อนโยบายดิจิทัลวอลเลต นโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความไม่มั่นใจ และระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น

อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในไตรมาส 2 ยังไม่ฟื้นตัว และยังซึมตัวต่อเนื่อง ดังนั้นต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 3 ที่รัฐบาลจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการดิจิทัลวอลเลตว่าจะได้เห็นความชัดเจนของการเริ่มเปิดให้ประชาชนมาลงทะเบียนรับสิทธิได้หรือไม่ รวมทั้งการเริ่มเบิกจ่ายงบฯลงทุนของภาครัฐ นอกจากนี้ยังต้องจับตาสถานการณ์การเมืองในประเทศด้วย

ADVERTISMENT

นายธนวรรธน์กล่าวอีกว่า เศรษฐกิจไตรมาส 3 ยังไม่ฟื้นตัวอย่างโดดเด่น ยังต้องการแรงกระตุ้นที่ชัดเจน จากการท่องเที่ยว การเบิกจ่ายงบฯลงทุน อาจจะได้เห็นการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ 2-2.5% และน่าจะเริ่มฟื้นตัวได้เข้มแข็งตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 ถ้าสถานการณ์การเมืองไม่พลิกผัน

ขณะที่เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 มีโอกาสขยายตัวได้ 3-4% ส่งผลให้ช่วงครึ่งหลังปีนี้ เศรษฐกิจขยายตัวได้ราว 3% ซึ่งทั้งปีแล้วจะขยายตัวได้ 2.5% ซึ่งยังไม่รวมโครงการดิจิทัลวอลเลต แต่หากรวมก็มีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยปีนี้ จะขยายตัวได้ 2.8-3%

ส่วนแนวโน้มราคาค่าไฟฟ้า และน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะปรับเพิ่มขึ้นนั้น คาดว่าใน 2 ส่วนนี้จะทำให้ต้นทุนของภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นอีกราว 5-10% ซึ่งผู้ประกอบการอาจยังไม่สามารถผลักภาระนี้ไปสู่การปรับขึ้นราคาสินค้าได้เต็มที่

นายปรีดา โพธิ์ทอง Executive Assistant และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนมิถุนายน 2567 อยู่ที่ 58.9 ลดลงจาก 60.5 ในเดือนพฤษภาคม 2567 โดยปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566

เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มกลับมากังวลต่อการเมืองไทยที่เริ่มขาดเสถียรภาพ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ 40 สว. เกี่ยวกับคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี และกังวลเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงและฟื้นตัวช้า เพราะยังไม่เห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน

ประกอบกับราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันเบนซิน และผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามในตะวันออกกลางที่ยังคงยืดเยื้อบานปลาย อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวล่าช้าของเศรษฐกิจไทย

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม อยู่ที่ 52.6 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน อยู่ที่ 56.1 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 67.9