
“ธรรมนัส” ชง ครม. พรุ่งนี้ (23 กรกฎาคม 2567) จ่อประกาศเขตภัยพิบัติหรือไม่ เผยการยางแห่งประเทศไทยรับซื้อปลาหมอคางดำ 15 บาท/กก. บวก 5 บาทค่าบริหาร เริ่ม 1 ส.ค. 2567 ทำน้ำหมักชีวภาพให้สวนยางพารา เร่งขึ้นทะเบียนหวั่นชาวบ้านเพาะเลี้ยง ชาวประมง ลักลอบซื้อปลาหมอคางดำราคาถูก 7-10 บาท/กก. ขายรัฐแพง ดึงเชฟชุมพลสร้างซอฟต์พาวเวอร์ “ปลาร้า” ของดีเมืองอีสาน
วันที่ 22 กรกฎาคม 2567 ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในระหว่างการลงพื้นที่ จ.สมุทรสาคร เพื่อประชุมหารือถึงการแก้ไขปัญหาปลาหมอคางดำ ร่วมกับสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและชาวประมง ว่าการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ รัฐบาลให้ความสำคัญโดยเตรียมเสนอต่อ ครม. ให้กำหนดเป็น วาระแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
สำหรับกรณีที่สมาคมประมงแห่งประเทศไทย สมาชิก และชาวประมง ได้เสนอแนวทางแก้ไขระยะเร่งด่วน 9 ข้อ คือ 1.การกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ 2.การผ่อนผันเครื่องมือประมงพื้นบ้านที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการใช้จับปลาหมอคางดำ 3.จัดทำแผนที่แหล่งน้ำที่ระบาดเพิ่อวางแผนบริหารจัดการ 4.การจัดสรรงบประมาณเร่งด่วนสนับสนุนในการกำจัดปลาหมอคางดำให้กับชาวประมง
5.การรับลงทะเบียนเรือประมง 6.การตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจในแต่ละจังหวัดเพื่อตรวจสอบเรื่องงบประมาณ 7.การตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจแจ้งข้อมูลการระบาด 8.ตั้งกลุ่มไลน์ดึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อมาแจ้งข้อมูลการระบาด 9.ฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติหลังจากการระบาดลดน้อยลง
ซึ่งทางกระทรวงรับข้อเสนอทั้ง 9 ข้อ และการยางแห่งประเทศไทย จะรับซื้อปลาหมอคางดำที่ 15 บาท/กก. บวกค่าบริหารจัดการอีก 5 บาท/กก. รวมเป็น 20 บาท/กก. โดยจะเริ่มรับวันที่ 1 ส.ค. 2567 โดยมีกรมวิชาการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน จะเข้ามาร่วมกันขับเคลื่อน
“หลังจากนี้อาจจะมีการออกประกาศจากกรมประมง หรืออาจเป็นประกาศกระทรวง เรื่องข้อกำหนดต่าง ๆ เช่น ขนาดเรือที่ใช้จับปลา อุปกรณ์ที่ใช้ รวมถึงการเยียวยาผู้ที่ได้รับปลกระทบ การขึ้นทะเบียนเรือที่จะมาขายปลา อย่างไรก็ตามซึ่งการปราบ จับ ได้เริ่มทำมาตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่ง และตั้งแต่ 14 ปีที่แล้ว
แต่ผลอาจยังไม่เห็นชัดเจนด้วยหลายปัจจัย แต่สิ่งที่ต้องคำนึงคือการแพร่ระบาดไว ด้วยปลาหมอคางดำมีความอดทนสูง มันคือวิกฤต ส่วนจะประกาศเป็นเขตภัยพิบัติหรือไม่ โดยจะประชุมหารือในที่ประชุม ครม. ในวันพรุ่งนี้ (23 กรกฎาคม 2567)”
สำหรับกรอบระยะเวลาการซื้อจะขีดเส้นไว้ที่เมื่อใดนั้น ยังคงต้องหารือเพราะถือเป็นเรื่องที่ต้องระวัง เนื่องจากกังวลว่าจะเกิดปัญหา มีคนกว้านรับซื้อปลาหมอคางดำในราคาถูก แล้วมาขายกับทางรัฐเพื่อให้ได้ราคาที่แพงขึ้น
ดังนั้น จึงจำเป็นที่ต้องมีมาตรการขึ้นมาควบคุม โดยเฉพาะการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแล้วนำมาขาย เหมือนกับที่ประเทศอินเดีย ซึ่งเคยปราบงูเห่าที่ระบาด แต่พบว่ามีประชาชนบางคนเพาะเลี้ยงสัตว์แล้วนำมาขาย
และภายในช่วงเวลาเย็นของวันนี้ (22 กรกฎาคม 2567) มีกำหนดการที่จะหารือกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และเชฟชุมพล เพื่อจะพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ร่วมกันขับเคลื่อนในเมนูปลาร้า เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของดีเมืองอีสาน ซึ่งคาดว่าจะเป็นการสร้างมูลค่าเป็นหลักหมื่นล้านบาท
“5 มาตรการที่เราทำอยู่ตอนนี้คือ ควบคุม กำจัดปลาหมอคางดำทุกแหล่งน้ำใน จ.สมุทรสาคร ปล่อยปลาผู้ล่า นำมาแปรรูป ควบคุมพื้นที่ที่ยังไม่ระบาด และสร้างการตระหนักให้รู้ถึงการระบาด ทั้งหมดนี้เรายังถูกวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งการรับซื้อปลาตอนนี้มี 6 จุด และตอนนี้จับมาแล้ว 560,000 ตัน ซึ่งการรับซื้อขณะนี้อยู่ที่ราคาประมาณ 7-10 บาท
ส่วนการยางฯ ที่รับซื้อใช้งบฯ 50 ล้านบาท เป้าหมายในพื้นที่ 16 จังหวัด ภายในกรอบระยะเวลา 3 เดือน ก.ค-ส.ค. 2567 ซึ่งการยางฯจะนำไปทำน้ำหมักชีวภาพจำนวน 1.6 ล้านลิตร (ปลา 1 ตัน ได้ 1,600 ลิตร) โดยจะนำไปใช้สำหรับชาวสวนยาง แปลงใหญ่ยางพารา”
สำหรับการหาต้นตอของการระบาดตามกรอบ 7 วันทำการนั้น จะรู้ผลในวันอังคารที่ 30 กรกฎาคม 2567 ซึ่งจะศึกษากฎหมายในเรื่องของบทลงโทษ หากไม่มีกฎหมายเรื่องนี้รองรับ ก็จะให้ทางบริษัทต้นเหตุรับผิดชอบ แล้วจะรับผิดชอบอย่างไร ส่วนเรื่องของการเพาะเลี้ยงแน่นอนว่าห้ามโดดเด็ดขาด และมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท