
พีระพันธุ์กางแผนตรึงดีเซล 33 บาท เตรียมตั้งคณะทำงานร่วมพลังงาน-คลัง ขอลดภาษีสรรพสามิตก่อน ลุยยกร่างกฎหมายใหม่แทน พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หวังดึง ‘อำนาจกำหนดเพดานภาษี’ กลับ พร้อมตั้งบอร์ดใหม่คุมเอง คาดมีผลบังคับใช้ก่อนสิ้นปี 2567
วันที่ 24 กรกฎาคม 2567 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวว่า ในส่วนของการตรึงราคาน้ำมันดีเซล 33 บาทต่อลิตร จนถึงเดือนตุลาคมนั้น ได้มีการหารือนอกรอบกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนอกรอบหลังจากที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้
โดยมีความเห็นพร้อมกันว่าจะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลัง เพื่อกำหนดแนวทาง โดยกระทรวงพลังงานเสนอขอให้มีการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงจากปัจจุบัน เพื่อพยุงให้ราคาน้ำมันอยู่ที่ 33 บาทต่อลิตร และลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับกองทุนน้ำมันและประชาชน
“ในประเทศอาเซียนมีประเทศที่จัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันอยู่ 3 ประเทศคือ เวียดนาม สิงคโปร์ และไทย ซึ่งเวียดนามเก็บอยู่ที่ 1.70 บาทต่อลิตร สิงคโปร์ 5.54 บาทต่อลิตร ไทยเก็บอยู่ที่ 5.99 บาท/ลิตร บวกกับภาษีท้องถิ่นอีก 60 สตางค์ต่อลิตร รวมเป็น 6.50 บาทต่อลิตร ในขณะที่เปรียบเทียบรายได้ประชาชนสิงคโปร์ห่างกันถึง 10 เท่า แต่ราคาน้ำมันของเราต่างกันเกินครึ่ง ดังนั้น เราจึงควรพิจารณาปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน”
ซึ่งตอนนี้หากเปรียบเทียบแล้วโครงสร้างราคาน้ำมันของไทยประกอบด้วย ต้นทุน 2 ส่วน คือต้นทุนเนื้อน้ำมันซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 21 บาท/ลิตร แล้วก็มีอัตราภาษีอื่น ๆ เช่น ภาษี
“ไทยมีแต่ภาษี ภาษี และภาษีซ้ำไปซ้ำมาอยู่ 2-3 รอบ คนที่แบกก็ยังเป็นประชาชน และยังต้องมีเงินเข้ากองทุนน้ำมันอีก ซึ่งเทียบแล้วเราก็ไม่ได้ต่างจากคนอื่น แต่ทำไมเราต้องจ่ายราคาน้ำมันที่สูงกว่า”
ก่อนหน้านี้ไทยได้มีการนำไบโอมาผสมในน้ำมัน ซึ่งในขณะนั้นเป็นเพราะว่าราคาสินค้าเกษตรถูก การนำเอาไบโอมาผสมเป็นไบโอดีเซลจึงมีราคาไม่สูง แต่ตอนนี้ไบโอดีเซลมีราคาที่สูงขึ้น
ส่วนรัฐบาลมาเลเซียมีงบประมาณในการดูแลราคาน้ำมัน 300,000-400,000 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งก็มีลักษณะคล้าย ๆ กับกองทุนน้ำมันของเรา แต่ในภายหลังมาเลเซียก็ไม่ไหวแล้วก็เลยทยอยยกเลิกนโยบายนี้ไป ในขณะที่เราก็มีความเป็นห่วงเรื่องกองทุนน้ำมัน จึงนำมาสู่การนำเสนอแนวทางปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันในครั้งนี้
สำหรับมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซล จากนี้จนถึงตุลาคมคาดว่าจะใช้เงินไม่มากประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อเดือน
เร่งยกร่างกฎหมายใหม่ใช้แทนพ.ร.บ.กองทุนน้ำมัน
สำหรับความคืบหน้าในการแก้กฎหมายเพื่อกำกับดูแลราคาน้ำมัน ขณะนี้ผมได้ยกร่างแก้ไขกฎหมายเสร็จแล้ว โดย พ.ร.บ.ฉบับใหม่ ฉบับแรกที่ได้ยกร่างเสร็จแล้วเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริหารจัดการการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง เป้าหมายเพื่อให้เกิดความถูกต้องเป็นธรรม ซึ่งประชาชนจะสามารถตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องโปร่งใส
“ผมร่างเสร็จแล้วอยู่ระหว่างการทบทวนถ้อยคำจะพยายาม ขณะนี้จะให้คณะทำงานกฎหมายและคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบร่างกฎหมายให้เรียบร้อยจากร่างที่ร่างขึ้นมานะ เมื่อเสร็จสิ้น 100% แล้วก็จะมีการขอความเห็นจากทางภาคเอกชนต่อไป เพื่อจะแก้ไขให้มีผลบังคับใช้ได้ภายในก่อนสิ้นปี 2567”
อย่างไรก็ตาม การยกร่างกฎหมายใหม่ฉบับนี้จะไม่กระทบต่อการค้าเสรี
“การค้าน้ำมันเสรีอยู่แล้ว แต่ถึงจะเสรีก็ต้องมีกรอบ ถ้าไม่มีกรอบมันก็จะกลายเป็นการเอาเปรียบ และคำว่าเสรีมันก็ต้องเสรีจริง ๆ หมายความว่าคนที่อยากจะเอาเข้ามาค้าขายก็ต้องเอามาค้าขายได้”
ปลดล็อกกำกับดูแล
ที่ผ่านมา ผมก็เข้าใจทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คือทุกคนก็อยากช่วยประชาชน แต่จากการที่ประชุมกันมา มีกรอบอยู่แบบนี้ เราก็ต้องดำเนินการแบบนี้”
โดยอธิบายเพิ่มเติมว่า เดิมทีก่อนที่ไทยใช้กฎหมาย พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ปี 2562 มีการใช้คำสั่งสำนักงานนายกรัฐมนตรีที่ให้อำนาจกระทรวงพลังงานในการดูแล 2 ด้านคือ ด้านกองทุนน้ำมันและการกำหนดเพดานภาษี
แต่เมื่อเราจะมาแก้ไขโดยการยกร่าง พ.ร.บฉบับใหม่ก็มีการสันนิษฐานว่าจะไปขัดกับพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังปี 2561 ซึ่งกำหนดว่า เรื่องการยกเว้นภาษีต้องเป็นอำนาจของหน่วยงาน กระทรวงการคลัง
แต่ผมแย้งไปว่า การยกร่างกฎหมายในครั้งนี้ ไม่ใช่การแก้ไขกฎหมายเพื่อยกเลิกภาษีหรืองดเว้นภาษี แต่เราจะไปกำหนดเพดานภาษีอยู่ในมาตรา 32 ซึ่งผมก็ได้ไปเช็กกับกฤษฎีกาแล้ว ได้รับคำยืนยันจากกฤษฎีกา ก็ยืนยันว่าสิ่งที่ผมคิดถูกต้อง เรืองกำหนดเพดานไม่ได้ไปขัดกับกฎหมายวินัยการเงินการคลัง
“เดิมกระทรวงพลังงานมีอำนาจตามคำสั่ง สำนักนายกรัฐมนตรี แล้วอำนาจในส่วนของการกำหนดเพดานมันหายไปเหมือนเราเป็นคนที่มี 2 ขาหายไปขานึงเราก็แค่เอากลับคืนมาเท่านั้น”
สำหรับเพดานภาษีควรเป็นเท่าไรนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ซึ่งเราจะต้องมาคำนวณดูว่าควรจะอยู่ในอัตราที่เท่าไหร่ แต่หลักการคือ เราไม่ควรตั้งโจทย์ว่าจะมาเก็บรายได้เข้าสู่รัฐด้วยภาษีนี้ เพราะสุดท้ายก็จะกลายเป็นภาระของภาครัฐ ซึ่งอันนี้ผมจะต้องไปดูว่าจะบริหารจัดการอย่างไร เบื้องต้นอาจจะให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการ
บอร์ดเพดานภาษี
คณะกรรมการชุดใหม่ที่จัดตั้งขึ้นมาภายใต้กฎหมายฉบับใหม่นี้ องค์ประกอบ ในส่วนของประธานคณะกรรมการ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน
โดยสถานะของคณะกรรมการก็จะมีลักษณะคล้าย ๆ กับ กกพ.ที่ดูแลค่าไฟ แต่จะดูเรื่องน้ำมัน
จ่อยกเลิกกฎหมาย พ.ร.บ.กองทุนน้ำมัน
นายพีระพันธุ์อธิบายว่าหลังจากมีการยกร่างกฎหมายแล้วจะต้องยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันฉบับปัจจุบันเพราะ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันจะถูกนำไปรวมไว้ในกฎหมายฉบับใหม่
เหตุผลที่ต้องเป็นเช่นนั้นเพราะว่า เดิมกฎหมายนี้มีแต่เรื่องกองทุน แต่ปัญหาเราตอนนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องกองทุนน้ำมัน แต่มีปัญหาเรื่องราคาน้ำมันขึ้นลงทุกวันใครคุม ต่อไปทุกคนจะต้องช่วยกันวางระบบใหม่
ทั้งนี้ กฎหมายใหม่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ และจะออกมาในรูปส่วน พระราชบัญญัติ หรือพระราชกฤษฎีกา ต้องดูสถานการณ์ก่อน
ค่าไฟ 4.18 บาท
นายพีระพันธ์ุกล่าวอีกว่า ขณะนี้รัฐบาลโดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติตรึงค่าไฟงวดสุดท้ายของปี 2567 อยู่ที่ 4.18 บาท ซึ่งต้อง ขอบคุณทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และทาง ปตท.ที่ใส่ใจเอาปัญหาประชาชนมาเป็นปัญหาของพวกเรา จนสามารถเดินหน้าต่อไปได้
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. เปิดเผยว่า ปตท.ได้หารือร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและกระทรวงพลังงาน โดยยินดีให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือประชาชนตรึงค่าไฟฟ้างวดสุดท้ายปี 2567 ส่วนการรับชำระคืนค่าเชื้อเพลิงอาจจะต้องยืดออกไป 4 เดือน ซึ่งก็ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ