
ร่วม 31 ปีที่บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ส่งธุรกิจระหว่างประเทศ (Global) ชื่อ บริษัท หัวของการค้า จำกัด ปักหมุดลงทุนใน สปป.ลาว เมื่อปี 1993 กระทั่งเปลี่ยนชื่อมาเป็น PTT (Lao) Co., Ltd. หรือ PTTLAO ในปี 2012 ดำเนินธุรกิจครบวงจรทั้งค้าปลีกน้ำมันและธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Nonoil) จนสร้างการเติบโตเป็น Brand Love ได้
แต่ปีนี้ สปป.ลาว กำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ “PTTLAO” จึงต้องปรับแผนรับมือ

ภาพรวมธุรกิจ Global ทุ่มลงทุน 8 พันล้าน
นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ OR เปิดเผยว่า ธุรกิจใน สปป.ลาว เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ OR ให้ความสำคัญ โดยจัดสรรงบประมาณลงทุนระยะ 5 ปี (ปี 2567-2571) สำหรับภาพรวมกลุ่มธุรกิจ Global 8,007 ล้านบาท คิดเป็น 12% ของงบฯลงทุนทั้งหมด สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างยั่งยืนในตลาดสากล
นายรชา อุทัยจันทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านธุรกิจต่างประเทศ OR กล่าวว่า ที่ OR ขยายเข้าไปลงทุนมีทั้งญี่ปุ่น มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ จีน โอมาน กัมพูชา และสปป.ลาว แต่ละประเทศมีปัจจัยที่ต่างกัน โดยโออาร์ใช้โมเดลที่ทำสำเร็จในไทยเป็นแม่แบบในการขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ
สำหรับธุรกิจใน สปป.ลาว เรามุ่งเน้นการลงทุนโดยใช้โมเดลทั้งแบบบริษัทลงทุนและบริหารเอง (Company Own Company Operate : COCO) และมีดีลเลอร์ลงทุนและบริหาร (Dealer Own Dealer Operate : DODO) เพื่อสร้างการเติบโตให้ธุรกิจท้องถิ่นในสัดส่วนที่มากกว่า ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด OR SDG ช่วยชุมชนเติบโตในทุกมิติ ทั้งคนตัวเล็ก (Small : S) การพัฒนาต่อยอดธุรกิจ (Diversified : D) รวมถึงการทำธุรกิจที่คำนึงสิ่งแวดล้อม หรือ Green (G)

ฉายภาพการลงทุน PTTLAO
ทั้งนี้ สปป.ลาว เป็นประเทศที่มีศักยภาพและมีโอกาสเติบโตได้อีก OR จึงวางกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจทั้งกลุ่ม Mobility ได้แก่ การจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการพีทีที สเตชั่น คลังเก็บผลิตภัณฑ์ ธุรกิจหล่อลื่นพีทีที ลูบริแคนทส์ (PTT Lubricants) และศูนย์บริการยานยนต์ฟิต ออโต้ (FIT Auto) และฟิต เอ็กซ์เพรส (FIT Express) รวมถึงการรุกตลาดพลังงานสะอาด ด้วยสถานีชาร์จอีวี สเตชั่น พลัส (EV Station PluZ) และกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ได้แก่ Cafe Amazon ร้านสะดวกซื้อ และร้านอาหารข้าวเปียกปู เป็นต้น
นายพีรเวท ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ PTTLAO กล่าวว่า ภาพรวมตลาดน้ำมันใน สปป.ลาว มีความต้องการใช้น้ำมันปีละ 140 ล้านลิตร PTTLAO ครองสัดส่วนอยู่ 20 ล้านลิตร ติดในกลุ่มท็อป 5 ร่วมกับแบรนด์อื่นทั้งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของ สปป.ลาว แบรนด์ท้องถิ่น และแบรนด์ต่างชาติอื่น ๆ
“ปีนี้คาดว่าการขายน้ำมันผ่านสถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น และร้านคาเฟ่ อเมซอนที่ สปป.ลาวจะเติบโตขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้รายได้จากการขายเติบโตขึ้น ตามปริมาณการขยายสาขาทั้งธุรกิจน้ำมันและน็อนออยล์”
โดยวางแผนขยายสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ในปีนี้เป็น 63 แห่ง จาก 56 แห่ง จำนวนนี้เป็น COCO 17 แห่ง ที่เหลืออีก 39 แห่งเป็น DODO และมีแผนขยายเป็น 71 แห่งในปี 2573 เนื่องจาก สปป.ลาวเป็นตลาดที่มีศักยภาพ แม้จะมีประชากรเพียง 7.5 ล้านคน แต่การเข้ามาของทุนจีน ทำให้ตลาดนี้มีการใช้น้ำมันสูงขึ้น
ทั้งนี้การขยายสถานีบริการจะทำควบคู่กับ “ธุรกิจคลังน้ำมัน” ซึ่งปัจจุบันกักเก็บได้ 7.8 ล้านลิตร มีความสามารถจะอยู่ได้นานถึง 10 วัน ธุรกิจนี้จะเน้นเรื่องการลงทุนเพื่อปรับปรุงคุณภาพมาตรฐานเหมือนเมืองไทย ต้องดูแลเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับ สปป.ลาว ทำให้ไม่เกิดการขาดแคลน
ขณะที่ Nonoil ในส่วนร้านคาเฟ่ อเมซอน จะลงทุนเพิ่มเป็น 110 สาขาในปี 2567 จากปัจจุบันอยู่ที่ 94 สาขา และเพิ่มเป็น 150 สาขาภายในปี 2573 โดยร้านคาเฟ่ฯนี้นับได้ว่าเป็นแฟรนไชส์กาแฟที่ครองตลาดอันดับ 1
พร้อมกันนี้ได้พัฒนาการบริการธุรกิจ Lifestyle สถานีบริการน้ำมันให้เป็นไลฟ์สเตชั่นที่หลากหลาย ทั้งร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารข้าวเปียกปู โดยมีทั้งการขยายสาขาทั้งศูนย์บริการยานยนต์ฟิต ออโต้ (FIT Auto) และฟิต เอ็กซ์เพรส (FIT Express) รวม 9 สาขา

แจ้งเกิด 3 ธุรกิจดาวรุ่ง
นายพีรเวทกล่าวว่า ธุรกิจที่มองเห็นโอกาสการเติบโตดีคือ ธุรกิจน้ำมันเครื่องพีทีที ลูบริแคนทส์ (PTT Lubricants) ปี 2567 จะมีการขายเพิ่มขึ้นจาก 4.2 ล้านลิตรในปี 2566 เป็น 5 ล้านลิตรในปี 2567 ซึ่งเป็นการสร้างเรกคอร์ดใหม่ให้กับเรา ทั้งนี้ น้ำมันเครื่องจะนำเข้าจากไทย 100% โดยขยายไปในส่วนของยานยนต์ เช่น รถบรรทุกที่มาเชื่อมผ่านเส้นทางรถไฟจีน-ลาว และเครื่องจักรกลทางการเกษตร
ขณะที่โอกาสในธุรกิจพลังงานสะอาด อย่างสถานีชาร์จไฟฟ้าอีวี สเตชั่น พลัส (EV Station PluZ) เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงระบบขนส่งแบบไร้รอยต่อ (Seamless Mobility) ซึ่งปี 2567 จะเพิ่มอีก 7 สถานี จากปีก่อนที่มี 5 สถานี และจะขยายเป็น 6 สถานีในปี 2568
“เราจะเห็นว่าเมื่อไทยมีรถอีวี 2 แสนคัน มีสถานีชาร์จอีวี 900 จุด ส่วน สปป.ลาวการใช้รถอีวีปัจจุบันมีประมาณ 3,000 กว่าคัน กำลังเติบโตเพิ่มขึ้น ทางเราจึงมีเป้าหมายว่าต่อไปการขับรถอีวีตลอดระยะทางเหนือจดใต้ 1,300 กม. จะต้องสามารถชาร์จอีวีได้ และมีมาตรฐานความปลอดภัยด้วย”
ส่วนร้านสะดวกซื้อนั้น ปัจจุบันมี PTTRM ที่เข้ามาบริหารร้านจิฟฟี่มีจำนวน 35 สาขา แต่ขณะนี้กำลังเตรียมดึงพันธมิตรร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเข้ามาเปิดบริการสาขาแรกที่สามแยกสะหวันเซโน สะหวันนะเขต ในวันที่ 7 สิงหาคม 2567 จากนั้นจะขยายสาขาต่อไปอีกปีละ 5 สาขา
“ซึ่งงบฯลงทุนในลาวปีนี้จะใช้งบฯลงทุนไม่มากนัก ส่วนใหญ่ยังคงเป็นงบฯปรับปรุงคลังน้ำมันประมาณ 40 ล้านบาท ขณะที่การขยายสถานีบริการน้ำมัน เป็นการลงทุนโดยดีลเลอร์ ส่วนการขยายร้านคาเฟ่ อเมซอน จะใช้ประมาณ 18 ล้านบาท
และจะมีการลงทุนร้านสะดวกซื้อ เงินลงทุนประมาณ 30 ล้านบาท”
และบริษัทมองเห็นโอกาสจากการขยายตัวของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใน สปป.ลาว ส่งผลให้กลุ่มสินค้ายางมะตอย น้ำมันเตามีโอกาสเติบโตมาก โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม ซึ่งเรากำลังเร่งทำการตลาดสินค้านี้ให้มากขึ้น
ปรับตัวรอฟื้นจากวิกฤต
นายพีรเวทกล่าวว่า มุมมองของนักธุรกิจใน สปป.ลาวอาจจะมองว่าปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจ เพิ่งเริ่มเกิดขึ้นมา 3-4 ปีมานี้ เป็นวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ทางด้านการเงิน ซึ่งแน่นอนว่าจะมีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินกีบอย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่างเช่นปี 2551 ค่าเงินกีบอยู่ที่ 250 กีบต่อบาท แต่ตอนนี้เกือบ 700 กีบ แต่อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล ทำให้ภาคเอกชนมั่นใจว่าสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจจะเริ่มคลี่คลายในปีหน้า
ซึ่งทางบริษัทที่ลงทุนใน สปป.ลาวได้วางแผนเตรียมรับมือในด้านต่าง ๆ อย่างรอบคอบ ทั้งในส่วนของการบรรเทาภาระต้นทุนสต๊อกน้ำมัน ซึ่งต้องบริหารจัดการต้นทุนสต๊อก และต้องมีความมั่นคงด้านพลังงาน ซึ่งการปรับลดจำนวนวันในการสต๊อกลง ไม่กระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานแน่นอน เพราะความพร้อมด้านโลจิสติกส์ทำให้มั่นใจในการขนส่ง
ขณะเดียวกันได้มีการดำเนินธุรกิจใหม่ต่อยอดเพื่อสร้างรายได้จากต่างประเทศกลับเข้ามาอีกทาง โดยอาศัยจุดแข็งที่ สปป.ลาวมีชื่อเสียงเรื่องการเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่ราบสูงโบลาเว่น ยกตัวอย่างเช่น เมื่อต้นปี 2567 บริษัทร่วมกับพันธมิตร ริเริ่มโครงการใช้ระบบวนเกษตรในการพัฒนาไร่กาแฟ เสริมศักยภาพธุรกิจส่งออกเมล็ดกาแฟ (Roasted Coffee and Green Bean Coffee) ให้แก่บริษัทในเครือของ OR ในต่างประเทศ อาทิ ไทย กัมพูชา และฟิลิปปินส์ ซึ่งปี 2566 ส่งได้ 380 ตัน ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้ในกลุ่ม OR ด้วย
รักษาตัวรอด-ต่อยอดเติบโต
สอดคล้องกับนายรชากล่าวว่า แน่นอนปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นมีผลต่อค่าเงินกีบ และต้นทุนการผลิตสินค้า ร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าแรง ทำให้หลายบริษัทรวมถึงโออาร์มีการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นเพื่อบรรเทาปัญหา ซึ่งจะทำให้กำลังซื้อชะลอตัวลงชั่วคราว แต่ในระยะยาวแล้ว สปป.ลาวยังเป็นจุดลงทุนที่มีศักยภาพ
“เหตุที่เรามองว่า ลาวคือ Strategic Location อีกแห่ง เพราะจีนเข้ามาลงทุนใน สปป.ลาวจำนวนมาก ทำให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ล่าสุดทางด่วนเวียงจันทน์ไปวังเวียงเสร็จแล้ว และกำลังมีการขยายมากขึ้น หรืออย่างที่ขยาย PTT Station ไปที่นาเตย ซึ่งเป็นพื้นที่เดียวกับจุดสิ้นสุดเส้นทางรถไฟลาวจะเข้าจีน ในบริเวณนั้นจะมีรถบรรทุกที่มารับส่งสินค้าจำนวนมาก”
แนวทางในระยะสั้นเราเพียงรักษาธุรกิจให้อยู่รอด (Maintain Survival) เพื่อรอจังหวะที่ สปป.ลาวจะฟื้นตัวกลับมา เราสร้างการเติบโตรายได้จากธุรกิจแคชคาวที่เรามีอยู่ทั้ง PTT Station ร้านคาเฟ่อเมซอน ส่วนในระยะยาวต้องพัฒนาให้ Beyond กว่าการทำเมล็ดกาแฟ ซึ่งเราได้เริ่มทำเรื่องคาร์บอนเครดิตกาแฟแล้ว

ย้ำ สปป.ลาวมีศักยภาพ
สุดท้าย นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OR ให้มุมมองว่า วิกฤตเศรษฐกิจใน สปป.ลาวอาจจะถูกมองว่าเป็นปัญหาใหญ่ เรื่องค่าเงินอ่อนค่า แต่เรา “ยังสามารถหารายได้” จากการพัฒนาธุรกิจด้านส่งออกกาแฟกลับเข้ามาได้ ซึ่งเทียบกับวิกฤตในประเทศอื่นบางประเทศอาจจะไม่สามารถทำรายได้ส่วนอื่นเข้ามาได้แบบนี้
“ในฐานะที่เคยทำเทรดดิ้งมาก่อน เรามองว่าแต่ละประเทศอาจจะมีปัจจัยแตกต่างกันในด้านต่าง ๆ แต่จุดสำคัญ การตัดสินใจลงทุน ต้องมองรอบด้าน 4-5 เรื่อง ทั้งศักยภาพของประเทศ ซึ่ง สปป.ลาวเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง (อาจจะไม่สูงเท่ากับกัมพูชาที่เราให้เป็นฐาน Global แห่งที่ 2) แต่ สปป.ลาวก็มีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจที่ดีกับจีน ทำให้มีการขยายการลงทุนของจีนเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นโอกาสของโออาร์ด้วย”
“และที่สำคัญใน สปป.ลาวเราไม่มีคู่แข่งค้าน้ำมันที่เป็นทุนไทยรายอื่นเลย ส่วนคู่แข่งด้านพลังงานจากจีนเองก็คงไม่เข้ามาแข่ง เพราะกว่าจะขนส่งมาก็มีต้นทุนที่สูง ซึ่งการที่ธุรกิจเราอยู่ใน สปป.ลาวได้ยาวนานกว่า 20-30 ปี มีธุรกิจที่เป็นจุดแข็งที่ทำรายได้ต่อเนื่อง สิ่งสำคัญที่ตอนนี้คือ ทำอย่างไรที่ให้แบรนด์ของเราเป็นแบรนด์ที่รัก (แบรนด์เลิฟ) ของคนที่นี่ เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต”