ลุ้นข้าวไทยส่งออกพุ่ง 10 ล้านตัน ครั้งแรกรอบ 6 ปี-อานิสงส์ลานีญา

เรือส่งออกข้าว

ลุ้นส่งออกข้าวไทยทะลุเป้าหลังยอดครึ่งปีแรก 2567 ไปแล้วกว่า 5 ล้านตัน มูลค่าพุ่ง 96.6% “เอเซียโกลเด้นไรซ์” ยังครองเบอร์ 1 กวาด 7.55 แสนตัน มองโอกาสตลาดข้าวครึ่งปีหลังยังคึกคักทั้งเอเชีย-แอฟริกา-ตะวันออกกลาง “ธนสรรไรซ์” แนะจับตาประมูลข้าวอินโดฯ 3 แสนตัน ไทย-เวียดนามชิงดำรู้ผล 1 ส.ค. 67 ด้านสมาคมผู้ส่งออกข้าวปรับเป้าส่งออกข้าวไทยรอบ 2 ขยับจาก 8 เป็น 8.2 ล้านตัน มั่นใจครึ่งปีหลังอีก 3 ล้านตันทำได้แน่ จับตา “อินเดีย” หวนส่งออกไตรมาส 4 อัตราแลกเปลี่ยนกระทบ

การส่งออกข้าวไทยกลับมาคึกคักอย่างมาก ล่าสุด นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยตัวเลขการส่งออกเดือนมิถุนายน 2567 ว่า ไทยมีการส่งออกข้าวปริมาณ 1.02 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 78.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่า 644.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 96.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยราคาส่งออกข้าวเฉลี่ยอยู่ที่ 630 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ซึ่งส่งผลให้ตัวเลขการส่งออกข้าวในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ของปี 2567 มีปริมาณ 5.08 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 25.3% มูลค่า 3,303 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 48.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ราคาเฉลี่ยของการส่งออกข้าวอยู่ที่ 650.3 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น 18.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ หากในช่วงครึ่งปีหลังไทยสามารถส่งออกได้เทียบเท่ากับครึ่งปีแรก 5 ล้านตัน ก็เท่ากับจะมีโอกาสลุ้นตัวเลขส่งออก 10 ล้านตันอีกครั้ง จากที่ไทยไม่ได้เห็นตัวเลขส่งออกเติบโตหลักสิบล้านตันอีกเลยนับจากปี 2561 ที่เคยทำได้ 11.2 ล้านตัน

บิ๊กส่งออกลุ้นครึ่งหลัง

สำหรับการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้นั้นเป็นผลมาจาก ผู้ส่งออกของไทยที่ได้อันดับสูงสุด มีการทำยอดเพิ่มขึ้นเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2566 พบว่า 1.กลุ่มเอเซียโกลเด้นไรซ์ 755,032.95 ตัน จากครึ่งปีแรกของปีก่อนทำได้ 539,419.55 ตัน 2.กลุ่มนครหลวง 695,531.35 ตัน จากช่วงเดียวกันของปีก่อนทำได้ 480,276.24 ตัน 3.โกลเด้นแกรนารี 413,062.88 ตัน จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 281,691.20 ตัน

4.กลุ่มธนสรรไรซ์ 304,193.93 ตัน จากช่วงเดียวกันของปีก่อนทำได้ 326,901.84 ตัน และ 5.กลุ่มไรซ์แลนด์อินเตอร์ 295,258.70 ตัน ซึ่งทำผลงานได้ดีมากจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ไม่ได้ปริมาณอยู่ในอันดับท็อป 5

ADVERTISMENT

นายสมบัติ เฉลิมวุฒินันท์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ประธานบริษัท เอเซียโกลเด้นไรซ์ จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ประเมินว่าการส่งออกข้าวปีนี้จะอยู่ที่ 9-9.5 ล้านตัน โดยแนวโน้มการส่งออกข้าวในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก เพราะตลาดต่าง ๆ ยังมีความต้องการสูง อย่างอินโดนีเซียยังคงต้องมีการนำเข้าข้าวเพิ่ม โดยจะมีการประมูลซื้อข้าววันที่ 1 สิงหาคม 2567 แบ่งเป็นลอต ๆ ลอตละ 100,000 ตัน น่าจะปริมาณ 3 ลอตก่อน

แต่คาดการณ์ว่าปริมาณการนำเข้าของอินโดนีเซียในปีนี้คงไม่ร้อนแรงเท่ากับปีที่แล้ว ส่วนตลาดฟิลิปปินส์ และอิรักก็ยังมีความต้องการสูง และยังมีตลาดอเมริกาใต้ที่มีซื้อเพิ่มเข้ามาบ้าง ส่วนตลาดแอฟริกาซึ่งเป็นตลาดขาประจำยังมีความต้องการเช่นเดิม เพียงแต่มีปัจจัยที่เขาไม่มีเงินดอลลาร์ที่จะมาชำระ ซึ่งต้องรอดูสถานการณ์

ADVERTISMENT

ในส่วนของคู่แข่งส่งออกคงต้องจับตาว่า รัฐบาลอินเดียจะกลับมาผ่อนปรนการส่งออกข้าวหรือไม่ หลังจากผ่านพ้นการเลือกตั้ง ขณะที่เวียดนามก็ยังมีการส่งออกที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่งราคาข้าวเวียดนามปีนี้ถูกกว่าไทยประมาณ 20-30 เหรียญสหรัฐต่อตัน นอกจากนี้ยังมีข้าวจากเมียนมาที่มีราคาถูกกว่าเราเช่นกัน

“ทิศทางราคาข้าวทั้งที่ประเมินจากในส่วนของโบรกเกอร์ รวมถึงผู้ซื้อยังคงมองและคาดการณ์ว่าทิศทางราคาควรจะอ่อนตัวลงบ้าง เพราะผลผลิตข้าวนาปรังของไทยน่าจะมีปริมาณที่เพิ่มขึ้น สถานการณ์ลานีญาทำให้มีปริมาณน้ำฝนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลผลิตข้าว”

เช่นเดียวกับ นายศุภชัย วรอภิญญาภรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ธนสรรไรซ์ จำกัด ที่มองว่า ปีนี้ไทยมีโอกาสส่งออกได้ 8 ล้านตันบวกลบ โดยโอกาสที่ไทยจะชนะการประมูลข้าวขาว 5% ของอินโดนีเซีย ที่เปิดซื้อ 3 แสนตัน ที่เปิดประมูลรอบนี้ยังยาก เพราะระบบการประมูลเปลี่ยนจากที่ผ่านมา ที่จะจัดสรรให้ประเทศต่าง ๆ เช่น อาจจะให้เวียดนาม ไทย เมียนมา

แต่รอบนี้แข่งขันราคา แต่ราคาไทยสูงกว่าเวียดนาม 20-30 เหรียญสหรัฐ โดยไทยขายข้าว 5% ที่ 560-570 เหรียญสหรัฐต่อตัน เวียดนามประมาณ 530-540 เหรียญสหรัฐต่อตัน ดังนั้นอาจจะเป็นเวียดนามที่คว้าไปหมด

อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งปีหลังเกิดสถานการณ์ลานีญาส่งผลให้ราคาข้าวอ่อนตัวเล็กน้อย ก็จะทำให้การทำตลาดง่ายขึ้น ประกอบกับบางตลาด เช่น สหรัฐ เกิดภัยแล้งก็คงมีความต้องการข้าวเพิ่มขึ้น แต่ยังต้องจับตาดูอินเดียเป็นหลักว่าจะกลับมาส่งออกหรือไม่ และต้องรอให้ผ่านพ้นช่วงนี้ซึ่งมีมรสุมเข้ามาเป็นอุปสรรคในการขนส่งสินค้าลงเรือสะดุด ฝนตกลงเรือไม่ได้

สำหรับยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกนั้น เป็นผลจากไทยได้เร่งส่งมอบข้าวให้ผู้ซื้อหลายประเทศ และมีออร์เดอร์ขายข้าวแบบรัฐบาลกับรัฐบาล (G to G) ระหว่างไทยและอินโดนีเซียที่ต้องส่งมอบในเดือนที่ผ่านมาปริมาณ 50,000 ตัน ซึ่งได้ถูกกระจายไปให้กับผู้ส่งออกในสมาคมเร่งส่งออกไป

สมาคมส่งออกปรับเป้าส่งออกพุ่ง 8.2 ล้านตัน

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า สมาคมผู้ส่งออกปรับประมาณการส่งออกข้าวปี 2567 อยู่ที่ 8.2 ล้านตัน จากเดิมที่คาดไว้ที่ 7.5 ล้านตัน โดยปัจจัยมาจากความต้องการในตลาดโลกยังคงสูง โดยเฉพาะตลาดอินโดนีเซีย คาดว่าปีนี้จะนำเข้า 4.3 ล้านตัน และฟิลิปปินส์นำเข้า 4.7 ล้านตัน แต่อย่างไรก็ดี ยังคงต้องจับตาอินเดียยกเลิกแบนส่งออก และกลับมาส่งออกข้าวในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ที่เป็นปัจจัยลบที่กระทบต่อการส่งออกข้าวไทย

“การส่งออกเข้าไทยในครึ่งปีหลัง 2567 เชื่อว่า 3 ล้านตันผู้ส่งออกนั้นสามารถทำได้ เพราะในช่วงครึ่งปีแรกไทยสามารถส่งออกเข้าไปได้แล้วถึง 5 ล้านตัน และตลาดที่ยังคงเป็นเป้าหมายในการส่งออกข้าวไทย เช่น อินโดนีเซีย ครึ่งปีหลังจะนำเข้าอีก 2.1 ล้านตัน จากครึ่งปีแรกนำเข้ามาแล้วประมาณ 2.2 ล้านตัน และพบว่าในวันพรุ่งนี้ (31 กรกฎาคม 2567) อินโดนีเซียจะมีการเปิดประมูลนำเข้าข้าวอีก 3.2 แสนตัน

ซึ่งไทยต้องรอลุ้นว่าจะสามารถชนะประมูลได้หรือไม่ เพราะต้องยอมรับว่าราคาข้าวไทยขณะนี้ยังสูงกว่าเวียดนาม ข้าวขาว 5% ไทยราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 570 เหรียญสหรัฐต่อตัน เวียดนามอยู่ที่ 535 เหรียญสหรัฐต่อตัน ปากีสถานอยู่ที่ 550 เหรียญสหรัฐต่อตัน

แม้ว่าการประมูลข้าวอินโดนีเซียไทยจะไม่สามารถชนะได้ แต่ก็ยังมั่นใจว่าการส่งออกข้าวของไทยในช่วงครึ่งปีหลังอีก 3 ล้านตัน โดยการส่งออกจะต้องได้เดือนละ 5 แสนตัน ซึ่งทำได้แน่นอน เพราะเชื่อว่าราคาข้าวไทยจากนี้จะลดลง สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ โดยราคาข้าวเวียดนามอาจจะปรับขึ้น แม้ตอนนี้จะห่างกันถึง 20-30 เหรียญสหรัฐต่อตันก็ตาม”

นอกจากนี้ ยังมีตลาดฟิลิปปินส์ ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะนำเข้าอีก 2 ล้านตัน แม้ตลาดนี้เวียดนามจะมีส่วนแบ่งตลาดเยอะ แต่ก็เชื่อว่าไทยจะสามารถส่งออกได้ ส่วนตลาดอื่น ๆ อย่างเช่น ตลาดจีน หลังจากนี้อาจจะเลิกคิด เพราะจีนมีข้าวภายในประเทศเยอะ ไม่ได้มีการนำเข้ามาจากประเทศอื่นเลย ส่วนตลาดอิรัก หากราคาข้าวไทยถูก โอกาสที่จะหันมาซื้อก็มีมากขึ้น ญี่ปุ่นยังเป็นตลาดสำคัญของไทย โดยนำเข้าข้าวไทยปีละ 3-4 แสนตัน ซึ่งตลาดส่วนใหญ่นี้เป็นตลาดข้าวขาว

ส่วนใหญ่ข้าวหอมมะลิ ตลาดหลักยังเป็นสหรัฐอเมริกา เฉลี่ยต่อปีนำเข้าข้าวประมาณ 5 แสนตัน ซึ่งไทยก็ยังสามารถแข่งขันได้ อย่างไรก็ดี ปัจจัยลบที่ยังคงต้องติดตามยังคงเป็นเรื่องของอินเดียจะกลับมาส่งออกข้าวในช่วงไตรมาส 4 และอัตราแลกเปลี่ยนหากเงินบาทแข็งค่าอาจจะมีผลกระทบต่อราคาข้าวไทย โดยอัตราแลกเปลี่ยนขณะนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ 35.90 บาทต่อเหรียญสหรัฐ หากอยู่ที่ 36 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เชื่อว่าไทยจะแข่งขันและส่งออกไปได้ดี นอกจากนี้ยังมีการประเมินว่าเวียดนามจะสามารถส่งออกข้าวได้ปีนี้อยู่ที่ 8 ล้านตัน ซึ่งขยับเข้ามาใกล้ไทยทุกที

พาณิชย์อัดกิจกรรม ดันส่งออก

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพร้อมร่วมมือผู้ส่งออกข้าวไทย ผลักดันการส่งออกข้าวไทยในปีนี้ให้ได้ 8.2 ล้านตัน หรือมีมูลค่า 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐ (เงินบาท 162,360 ล้านบาท) ตามนโยบายหลัก “รักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่ ในการส่งออกไปต่างประเทศ”

โดยในช่วง 5 เดือนสุดท้ายของปีนี้ มีแผนจัดกิจกรรมผลักดันการส่งออกข้าวไทยเต็มที่ เช่น การจัดงาน Thai Rice Networking Forum 2024 กระชับความสัมพันธ์กับเครือข่ายพันธมิตรคู่ค้าข้าว การจัดงาน Thailand Rice Convention (TRC) สัญจร กระชับความสัมพันธ์กับผู้นำเข้าข้าวสำคัญ และการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าครึ่งปีหลังหากทำการตลาดข้าวดี เชื่อว่ามีโอกาสที่ไทยจะสามารถส่งออกได้มากกว่า 8.2 ล้านตัน รวมไปถึงกรมได้ทำหนังสือเจรจาขายข้าวแบบจีทูจี กับอินโดนีเซีย เป้าหมาย 1-2 แสนตัน อีกทั้งต้องจับตาคู่แข่งและปัจจัยกระทบอย่าง เวียดนาม ปากีสถาน ที่จะมีผลผลิตเพิ่มขึ้น มีผลต่อราคาข้าวในตลาด รวมไปถึงอินเดียมีโอกาสที่จะผ่อนคลายมาตรการปัจจุบันและกลับมาส่งออกข้าว และปัจจัยความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ภัยธรรมชาติที่กระทบ