
ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2567 กำไรสุทธิ 2,653 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91% จาก 4 กลุ่มธุรกิจ “โลจิสติกส์-นิคมอุตสาหกรรม-สาธารณูปโภคและพลังงาน- ดิจิทัล” “จรีพร” ส่งสัญญาณบวกเล็งปรับเป้ายอดขายที่ดินใหม่ สยายปีกรองรับนักลงทุนที่จ่อย้าย ฐานการลงทุนและการผลิตเข้าไทยต่อเนื่อง
วันที่ 9 สิงหาคม 2567 นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WHA Group เปิดเผยว่า WHA Group รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2567 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 3,343 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,289 ล้านบาท โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 3,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% และกำไรปกติ 1,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 7,273 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,653 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91% จากงวดเดียวกันของปีก่อย โดยหากพิจารณาถึงผลประกอบการปกติ บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 7,080 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% และกำไรปกติ 2,549 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอัตราการเติบโตดังกล่าว สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตของ 4 กลุ่มธุรกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
สำหรับการเติบโตของผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกปี 2567 ถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของการเป็นผู้นำใน 4 กลุ่มธุรกิจ ทั้งโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน ตลอดจนดิจิทัล ทั้งในประเทศไทยและเวียดนามได้เป็นอย่างดี
ธุรกิจโลจิสติกส์ ในครึ่งแรกของปี 2567 มีการลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/คลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่มเติมรวม 33,699 ตร.ม. และมีสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูง จำนวน 88,344 ตร.ม. ส่งผลให้มีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารรวม 2,988,762 ตร.ม. โดยไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีการรับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจให้เช่ายานยนต์ไฟฟ้ารวม 343 ล้านบาท และ 640 ล้านบาท ตามลำดับ
ส่วนความคืบหน้าของโครงการ Green Logistics ที่บริษัทฯ ได้มีการจัดตั้งบริษัท โมบิลิกส์ จำกัด แบรนด์ที่ให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร ที่ครอบคลุมตั้งแต่การให้บริการรถขนส่งไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ บริการติดตั้งระบบชาร์จ สถานีชาร์จ พร้อมด้วย Mobilix Platform แพลตฟอร์มที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ให้แก่ลูกค้า โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 มีลูกค้าภาคธุรกิจเซ็นสัญญาเช่าซื้อยานยนต์ไฟฟ้าแล้วกว่า 280 คัน
ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ครึ่งปีแรก 2567 บริษัทฯ มียอดขายที่ดินรวม 1,042 ไร่ (ไทย 979 ไร่ / เวียดนาม 63 ไร่) และมียอดเซ็น MOU รวม 756 ไร่ (ไทย 714 ไร่ / เวียดนาม 43 ไร่) โดยไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น 1,460 ล้านบาท และ 3,587 ล้านบาท เนื่องจากการรับรู้ยอดการโอนที่ดินครึ่งปีแรกที่เติบโตมากกว่า 65% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากการย้ายฐานการลงทุน และการผลิตมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 บริษัทฯ มียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ให้กับลูกค้ากว่า 879 ไร่ (ไทย 871 ไร่ / เวียดนาม 8 ไร่)
“โดยยอดขายที่ดินในไตรมาส 2/2567 นี้ ส่วนหนึ่งมาจากการลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินกับบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของโลกที่มีแผนการก่อสร้างโรงงานผลิตเซลล์แบตเตอรี่ บนพื้นที่ดินกว่า 100 ไร่ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าในไทย ตอกย้ำการเป็นจุดหมายด้านการผลิตและการลงทุนของภูมิภาคที่สำคัญของอุตสาหกรรมใหม่ๆ อย่างยานยนต์ไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี”
ปัจจุบันบริษัทฯ มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนามทั้งหมด 77,600 ไร่ โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการในประเทศไทย จำนวน 12 แห่ง และยังมีโครงการขยาย/ พัฒนานิคมฯ ใหม่ 7 โครงการ บนพื้นที่รวมกว่า 9,430 ไร่ ส่งผลให้บริษัทฯ จะมีพื้นที่นิคมฯ รวมกว่า 52,650 ไร่ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า สำหรับโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 5 (3,400 ไร่) ซึ่งอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาต บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในไตรมาส 1/2568 และมีพื้นที่พร้อมขายภายในไตรมาส 2/2568
สำหรับประเทศเวียดนาม มีการเปิดดำเนินการเขตอุตสาหกรรมแล้ว ซึ่งมีพื้นที่ในการพัฒนารวม 22,815 ไร่ (3,650 เฮกตาร์) ประกอบด้วยเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 – เหงะอาน ที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 2 – เหงะอาน เฟส 1A/1B และเฟส 2 พื้นที่รวม 1,600 ไร่ (250 เฮกตาร์) ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติใบอนุญาตสำหรับโครงการสำหรับเฟส 1A/1B พื้นที่ 1,200 ไร่ (189 เฮกตาร์) ภายในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนขยายเขตอุตสาหกรรมใหม่อีก 3 โครงการในจังหวัด Thanh Hoa และ Quang Nam เป็นพื้นที่รวมกว่า 9,690 ไร่ (1,550 เฮกตาร์)
บริษัทฯ คาดว่าธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มการเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยเฉพาะธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย ที่ได้รับอานิสงส์จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้เกิดกระแสการย้ายฐานการลงทุนและการผลิตมายังไทยมากขึ้น ประกอบกับราคาขายที่ดินเฉลี่ยที่ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยภายในสิ้นปี 2567 นี้ บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินได้มากกว่าเป้าหมายการขายที่ดินที่ได้ประกาศไว้เมื่อต้นปี 2567 ที่จำนวน 2,275 ไร่ และอยู่ระหว่างการเตรียมแผนการปรับเป้าหมายการขายที่ดินของปีนี้ใหม่ ซึ่งจะประกาศออกมาในเร็วๆนี้
ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) มีการปรับตัวดีต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า ทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจสาธารณูปโภครวมในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567 เท่ากับ 761 ล้านบาท และ 1,531 ล้านบาท โดยมีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมสำหรับไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567 รวมเท่ากับ 43.1 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 83.9 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ
ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายน้ำภายในประเทศในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 34.0 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 66.5 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากการเติบโตขึ้นของปริมาณยอดจำหน่ายน้ำทุกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม
ธุรกิจไฟฟ้า บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากการดำเนินงานจากการลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทร่วมค้าไม่นับรวมกำไร/ ขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนและรายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567 เท่ากับ 302 ล้านบาท และ 654 ล้านบาท
ธุรกิจดิจิทัล บริษัทฯ เดินหน้ายกระดับองค์กรในทุกมิติเพื่อก้าวสู่การเป็น Technology Company ในปี 2567 นี้ ภายใต้ภารกิจ Mission To The Sun (MTTS) โดยมุ่งทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล การสร้างผลิตภัณฑ์ และมูลค่าเพิ่มใหม่ๆ พร้อมเสริมศักยภาพทางธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยโครงการที่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ โครงการ Green Logistics ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา Mobilix Platform ที่รวมบริการต่างๆ ตั้งแต่การบริหารยานพาหนะ (Fleet Management) การวางแผนเส้นทาง (Route Optimization) ไปจนถึงการเชื่อมโยงโครงข่ายสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า