เลิกคุม “ปู่ย่า” พันธุ์ไก่ไข่ หลังราคาไข่ในประเทศขยับ

เอ้กบอร์ดพับแผนออกประกาศคุมนำเข้าปู่ย่าพันธุ์ไก่ไข่ หลังยื้อมา 1 เดือน ชี้ปฏิบัติทำได้ยาก ซับซ้อน ราคาไข่ไก่ขยับขึ้นฟองละ 50 สตางค์เป็น 3.00 บาทแล้ว

รายงานข่าวระบุว่า เมื่อเดือนเมษายน 2561 สถานการณ์ราคาไข่ไก่ในตลาดปรับลดลงไปเหลือฟองละ 2.50-2.60 บาท ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตส่งผลกระทบต่อเกษตรกร เป็นเหตุให้ นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความร่วมมือให้ช่วยดำเนินมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาไข่ไก่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการขอความร่วมมือกระทรวงพาณิชย์ ประกาศควบคุมการนำเข้าปู่ย่าพันธุ์ไก่ไข่ ตาม พ.ร.บ.การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2522 เพื่อสร้างสมดุลในการผลิตไข่ไก่

แต่อย่างไรก็ตาม ผ่านมา 1 เดือนหลังจากดึงเวลานับตั้งแต่เดือนเมษายน จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการออกประกาศใด ภาวะราคาตลาดขณะนี้ก็ปรับตัวกลับสู่ภาวะปกติ โดยราคาไข่ไก่เบอร์ 3 เฉลี่ยปรับสูงขึ้นฟองละ 50-60 สตางค์เป็นฟองละ 2.90-3.00 บาทแล้ว

นายกีรติ รัชโน รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้ชะลอการออกประกาศควบคุมการนำเข้าปู่ย่าพันธุ์ไก่ไข่ และพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ ออกไปก่อน เนื่องจากทางคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (Egg Board) ที่ขอให้ชะลอประกาศออกไป ส่วนเงื่อนไขการส่งออก-นำเข้าก็ดำเนินการตามมติเอ้กบอร์ดเห็นชอบต่อไป

ล่าสุด นายกฤติพิพัฒน์ รัตนนาวินกุล นักวิชาการสัตวบาลชำนาญการพิเศษ กองส่งเสริมและพัฒนาปศุสัตว์ ฐานะเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (Egg Board ) เปิดเผยประชาชาติธุรกิจว่า ที่ประชุมโดยมีผู้แทนกฤษฎีกา ศุลกากร กระทรวงพาณิชย์ ได้มีมติเห็นชอบให้ชะลอประกาศออกไปก่อน เนื่องจากหากอาศัย พ.ร.บ.ดังกล่าวจะทำให้เกิดขั้นตอนซับซ้อน ยุ่งยากในทางปฏิบัติ ดังนั้น ที่ประชุมจึงเห็นควรอาศัยการขอความร่วมมือผู้ประกอบการทุกรายไปก่อน ซึ่งก็เป็นไปในทิศทางที่ดี

ทั้งนี้ที่ผ่านมา กรมปศุสัตว์ได้หารือกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศควบคุมการนำเข้าปู่ย่าพันธุ์ไก่ไข่ และพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ โดยใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การส่งออกไปนอก และการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2522 ควบคุมปริมาณนำเข้าและปริมาณเลี้ยงไก่ไข่ในประเทศแทน

ปัจจุบันคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (Egg Board) เป็นผู้ควบคุมปริมาณนำเข้าและปริมาณเลี้ยงไก่ไข่ในประเทศ ซึ่งเป็นการขอความร่วมมือระหว่างผู้เลี้ยงไก่ไข่ทั้งรายใหญ่และรายย่อยอยู่แล้ว ประกอบกับกรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการตามโครงการรักษาเสถียรภาพราคาไข่ไก่ปี 2561 โดยจัดประชุมผู้ประกอบการบริษัทรายใหญ่ 16 บริษัท (นำเข้าและเลี้ยงปู่ย่าพันธุ์ไก่ไข่จำนวน 1 ราย นำเข้าและเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่จำนวน 16 ราย) เป็นระยะเพื่อแก้ปัญหาราคาไข่ไก่ตกต่ำต่อเนื่อง โดยระยะสั้นกำหนดให้บริษัทและฟาร์มรายใหญ่ปลดแม่ไก่ไข่ยืนกรงอายุไม่เกิน 72 สัปดาห์ ไปแล้วจำนวน 8.1 แสนตัว เพื่อลดปริมาณผลผลิตไข่ไก่ลง

ทั้งนี้ ทุกปีจะมีการกำหนดการนำเข้าปู่ย่าพันธุ์ไก่ไข่ (GP) ปีละ 4,500-5,000 ตัว และพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ (PS) ปีละ 500,000 ตัว และจะเพิ่มปริมาณการส่งออกไข่ไก่ไปต่างประเทศ จาก 50 ตู้ต่อเดือนเป็น 100 ตู้ต่อเดือน ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายนเพื่อช่วยดึงราคาไข่ไก่ ซึ่งจะทำให้มีปริมาณไข่ไก่เพียงพอและสมดุลกับการบริโภคในประเทศ ที่ปัจจุบันมีความต้องการบริโภคอยู่ 15,000 ล้านฟองต่อปี หรือ 41 ล้านฟองต่อวัน