ชี้แจงกรณีผลกระทบจากประเทศสหรัฐ เรียกเก็บอากรสินค้าเหล็กนำเข้า

แฟ้มภาพ

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ขอชี้แจงกรณีที่สหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรา 232 เพื่อเรียกเก็บอากรสินค้าเหล็กนำเข้า 25% ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2561 ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์การใช้มาตรการดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยได้จัดทำข้อมูลและสถิติการนำเข้าและส่งออกสินค้าเหล็กแยกเป็นประเภทสินค้าที่มีการซื้อขายระหว่างผู้ประกอบการของไทยและสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้มาตรการ พร้อมทั้งได้มีการประชุมหารือร่วมกับผู้ผลิตและส่งออกสินค้าของไทย ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางดำเนินการขอยกเว้นจากการถูกใช้มาตรการดังกล่าวทั้งเป็นรายพิกัดสินค้าและรายประเทศ

นอกจากนี้ ในส่วนของภาครัฐ กระทรวงฯ ได้มีหนังสือถึงผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (United States Trade Representative : USTR) พร้อมได้หยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นหารือกับ USTR ในการประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบความตกลงการค้าและการลงทุนไทย – สหรัฐฯ (TIFA JC) ระหว่างวันที่ 9 – 10 เมษายน 2561 โดยได้มีการนำข้อมูลด้านความมั่นคงมาประกอบการเจรจาเพื่อขอยกเว้นการใช้มาตรการขึ้นภาษีดังกล่าวแก่ไทยด้วยแล้ว

ทั้งนี้ ผู้ส่งออกสินค้าภายใต้มาตรา 232 ของไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ได้มีการประสานกับผู้นำเข้าซึ่งเป็นบริษัทคู่ค้าในสหรัฐฯ เพื่อดำเนินการยื่นขอยกเว้นจากการถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าเป็นรายสินค้าตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ กำหนด ซึ่งบริษัทที่มีการยื่นคำขอดังกล่าวได้รับการพิจารณายกเว้นจากการถูกเรียกเก็บภาษีตามที่ร้องขอแล้ว สำหรับในกรณีการขอยกเว้นการถูกเรียกเก็บภาษีเป็นรายประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามผลการพิจารณาของผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ซึ่งกระทรวงฯ จะได้ติดตามอย่างใกล้ชิดและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป


อย่างไรก็ตาม หากมีการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กแผ่นรีดเย็น และสินค้าเหล็กลวดทะลักเข้ามาในไทย ทางผู้ผลิตสินค้าดังกล่าวของไทยก็สามารถยื่นคำขอให้กรมการค้าต่างประเทศเปิดไต่สวนการตอบโต้การทุ่มตลาดและการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้นภายใต้ พ.ร.บ. การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. 2542 และพ.ร.บ. มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ. 2550 ได้