28 หน่วยงาน แก้เกมสินค้าทะลัก 7 เดือน ขาดดุลการค้าจีน 8 แสนล้าน

port

ปัญหาการขาดดุลการค้าจีนที่ต่อเนื่องสะสมหลายปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดการค้าในช่วง 7 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ค.) ของปีนี้ ไทยยังคงขาดดุลการค้าให้จีน 878,556.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171, 956 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ขาดดุล 706,600.01 ล้านบาท สะท้อนถึงปัญหาความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยตกต่ำอย่างมาก ซึ่งเป็นประเด็นที่ภาคเอกชน โดยเฉพาะสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้เคย “ส่งสัญญาณเตือนไว้ล่วงหน้า” ว่า สินค้าที่ผลิตส่วนเกินของจีนกำลังทะลักมายังอาเซียน โดยมีแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นเครื่องมือหนุนให้ไทยเสียเปรียบทางการค้ามากขึ้น

เฉพาะปลายปี 2566 มีกลุ่มอุตสาหกรรม 20 กลุ่ม จากทั้งหมด 46 กลุ่ม ใน ส.อ.ท. ประสบปัญหาแข่งขันไม่ได้ และมีจำนวนโรงงานไทยปิดตัวเฉลี่ย เดือนละ 111 โรงงาน โดยเฉพาะ “เหล็ก เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหาร” ได้รับผลกระทบจากสินค้านำเข้าจากต่างประเทศอย่างมากกำลังขยายวงหนักขึ้น และจะรุนแรงขึ้นหากภาครัฐไม่กำหนดมาตรการช่วยเหลือ

การรุกคืบของ TEMU

กระทั่งล่าสุดการเปิดตัวแพลตฟอร์มน้องใหม่ “TEMU” ที่ใช้กลยุทธ์เชื่อมโยงกับโรงงานผลิตในจีนโดยตรง ทำให้สามารถหั่นราคาขายได้ต่ำกว่าแพลตฟอร์มอื่นทั่วไป ทั้งยังลดเวลาขนส่งถึงมือผู้บริโภคเร็วขึ้น รวมถึงรับเคลมสินค้า จนทำให้หลายหน่วยงานกังวลว่าสินค้าไทยจะแข่งขันไม่ได้ รุนแรงยิ่งขึ้น

ซึ่งในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ “นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ติดต่อไปยังผู้จดแจ้งบริษัท เพื่อขอให้เข้ามาหารือ เช่นเดียวกับ “นายนภินทร ศรีสรรพางค์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มอบให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประสานไปยัง ผู้บริหาร TEMU ที่ตั้งสำนักงานอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์

เข้ามาเจรจากับรัฐบาลไทย พร้อมทั้งเตรียมใช้แรงกดดันของกฎหมายเพื่อบังคับให้ TEMU เข้ามาจดทะเบียนตั้งบริษัท และสำนักงานในประเทศไทย เช่นเดียวกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ทั้ง “Lazada Shopee”

ขณะที่กระทรวงการคลังก็ออกมาตรการชั่วคราวเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับสินค้านำเข้าจากทุกประเทศ ทุกประเภท ที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรม ได้กำหนดมาตรฐานบังคับ (มอก.) ครอบคลุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนแล้ว 144 มาตรฐาน และเตรียมประกาศมาตรฐานสินค้าควบคุมเพิ่มอีก 52 มาตรฐาน จากสินค้าที่มีการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีกว่า 1,000 รายการ เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ

ADVERTISMENT

“จะเห็นว่าการดำเนินการทั้งหมด ‘ไทยไม่ได้มีเจตนากีดกันการค้ากับจีน’ แต่เป้าหมายสำคัญของไทย คือ การดูแลภาคการผลิต ควบคู่ไปกับการดูแลผู้บริโภค เพื่อสร้างความสมดุลด้านการค้าโลก ให้เกิดการค้าเสรีอย่างเป็นธรรม จึงต้องวางกติกา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน ทั้งยังต้องดูแลประชาชนเพื่อให้ได้บริโภค-อุปโภคสินค้าที่มีคุณภาพ ถูกกฎหมาย เพื่อจะไม่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ และเป็นไปตามกติกาสากล”

คลอด 5 มาตรการเร่งด่วน

“นายภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จึงได้เชิญ 28 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมแก้ปัญหาการนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐานและราคาต่ำจากต่างประเทศ เป็นครั้งแรก โดยได้ตั้ง “ศูนย์เฉพาะกิจป้องกันและปราบปรามสินค้าและธุรกิจฝ่าฝืนกฎหมาย”

ADVERTISMENT
ภูมิธรรม เวชยชัย

โดยกำหนด 5 มาตรการเร่งด่วน ประกอบด้วย 1.มาตรการบังคับใช้ระเบียบ กฎหมาย เช่น การตรวจเข้มสินค้าทั้งในส่วนของการสำแดงพิกัดสินค้า การชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม การตรวจมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) การเพิ่มอัตราการเปิดตู้สินค้าจาก 20 ตู้ เป็น 35 ตู้ หรือทั้งหมดทุกตู้ การตรวจสอบผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการให้ปฏิบัติตามกฎหมายไทย

2.มาตรการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบ ขณะนี้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) อยู่ระหว่างจัดทำประกาศ ให้ผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มต่างประเทศ “ต้องจดทะเบียนนิติบุคคล โดยให้มีสำนักงานในไทย” ส่วนสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จะเพิ่มรายการสินค้าควบคุมภายใต้มาตรฐานบังคับ ครอบคลุมรายการสินค้าให้มากที่สุด ควบคู่ไปด้วย

3.มาตรการภาษี กรมสรรพากรอยู่ระหว่างปรับปรุงประมวลรัษฎากร สำหรับการกำหนดให้ผู้ขายสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ และแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่จำหน่ายสินค้าในไทย ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากร

4.มาตรการช่วยเหลือ SMEs ไทย ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งพัฒนาศักยภาพการผลิตสินค้าให้แข่งขันได้ในยุคการค้าโลกใหม่ โดยเฉพาะการขยายการส่งออกผ่าน 9 แพลตฟอร์ม e-Commerce พันธมิตรในประเทศเป้าหมาย

5.มาตรการสร้าง ต่อยอดความร่วมมือกับประเทศคู่ค้าเพิ่ม เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ให้เป็นอีกช่องทางในการผลักดันสินค้าไทยผ่าน e-Commerce ไปตลาดต่างประเทศ ซึ่งรวมไปถึงส่งเสริมให้ “ไทยเป็นศูนย์กลางรวบรวมและกระจายสินค้า” สำหรับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ในระดับภูมิภาค

จี้เก็บภาษีนำเข้า 5-20%

ด้าน “นายเกรียงไกร เธียรนุกุล” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยอมรับว่า ยังได้รับรายงานจากหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากสินค้านำเข้าจากจีนอย่างต่อเนื่อง วันนี้ 22 กลุ่มอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบหนักมาก

ขณะนี้เพิ่มเป็น 24 กลุ่ม แน่นอนว่าปี 2567 นี้ จะมีกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเป็น 30 กลุ่มจากทั้งหมด 46 กลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม อาหาร เฟอร์นิเจอร์ อัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งต่างถูกทุ่มตลาดตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนทำให้มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้น 10-20% นี่เป็นเพียงส่วนเดียว แต่ผลกระทบนับว่าหนักหนาสาหัส เพราะไม่เพียงกระทบยอดขาย แต่ยังสะเทือนไปถึงการปิดกิจการของเหล่า SMEs

“การแก้ปัญหาของรัฐบาลทั้งหมด คือ มาตรการที่มีอยู่เดิมแล้ว เพียงแต่เพิ่มความเข้มงวด เข้มข้นขึ้น การส่งสัญญาณของเอกชนล่วงหน้าเป็นปี เพราะเขาคือผู้อยู่หน้างาน คือผู้ค้า ผู้ขาย การมีข้อมูลและตื่นตัวเพื่อให้ผู้ประกอบการคนไทยรายเล็ก SMEs ได้ตั้งรับทัน รัฐบาลเองต้องฟังให้มากขึ้น ทำงานให้เร็วขึ้น เพราะท้ายที่สุด การลุกขึ้นมาในช่วงที่เป็นมะเร็งระยะที่ 4 แล้ว จะไม่ทันการณ์ และยากที่จะกลับไปแก้ไขได้ ด้วยข้อตกลงการค้า ด้วยสัญญาต่าง ๆ ด้วยความเกรงใจ มันบั่นทอนภาคการผลิตในไทยอย่างคาดไม่ถึง”

ดังนั้น สิ่งที่ภาครัฐควรต้องทำ 2 ส่วน คือ ควบคุมผู้ให้บริการแพลตฟอร์มจากต่างประเทศ และช่วย SMEs เพื่อปกป้องสินค้าที่ผลิตขายในประเทศ นอกจากนี้ เอกชนยังคงยืนยันที่จะขอให้มีการเก็บภาษีนำเข้าเพิ่ม 5-20% สำหรับสินค้าบางประเภทที่เข้ามาสร้างผลกระทบกับผู้ผลิตในประเทศ

ซึ่งหลังจากนี้ คณะทำงานแก้ปัญหาการนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐานและราคาต่ำจากต่างประเทศ ต้องรายงานผลสรุปสถานการณ์ และมาตรการ แนวทางการแก้ไข ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ให้รับทราบ ในส่วนของผู้ประกอบการในประเทศจำเป็นอย่างมากที่ต้องมีความรู้เรื่องการนำมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (AD/CVD) มาตรการตอบโต้การหลบเลี่ยงภาษีเอดี (Anti-Circumvention : AC) มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (Safeguard) มาใช้ในการสร้างความเป็นธรรมในการแข่งขัน ทั้งหมดต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้าของไทยให้ดี มีคุณภาพมากขึ้นด้วย