“ดั๊บเบิ้ลเอ”ทำหนังสือขอบคุณ “พาณิชย์” หลังช่วยติดตามและทักท้วงการเก็บอากร AD สินค้ากระดาษ

“ดั๊บเบิ้ลเอ”ทำหนังสือขอบคุณ “พาณิชย์” หลังช่วยติดตามและทักท้วงการเรียกเก็บอากร AD สินค้ากระดาษที่เรียกเก็บในอัตราสูงถึง 14.25% จนสามารถขอปรับลดอัตราอากรลงมาเหลือแค่ 1.64% คาดช่วยทำให้กระดาษไทยแข่งขันในตลาดปากีสถานได้ดีขึ้นหลังคู่แข่งล้วนแต่โดนเก็บอากรในอัตราสูง

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ดั๊บเบิ้ลเอ 1991 จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือขอบคุณมายังกระทรวงพาณิชย์ กรณีที่กรมฯ ได้ทำการติดตามและทักท้วงการประกาศเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) สินค้า Certain Uncoated Writing/Printing Paper (สินค้ากระดาษสำหรับงานพิมพ์และเขียนชนิดไม่เคลือบ) ของปากีสถาน ที่ได้ประกาศเรียกเก็บอากร AD ในอัตรา 14.25% ของราคา C&F กับสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากบราซิล จีน อินโดนีเซีย ญี่ปุ่นและไทย ซึ่งกรมฯ ได้หารือกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิดและไม่เห็นด้วยกับการเรียกเก็บอากร AD ในอัตราดังกล่าว และได้ทำหนังสือทักท้วงไปยังคณะกรรมาธิการศุลกากรแห่งปากีสถาน (National Tariff Commission – NTC) เพื่อโต้แย้งผลการไต่สวนและขอให้พิจารณาปรับปรุงอัตราอากร AD ใหม่

ทั้งนี้ กรมฯ ได้ให้เหตุผลในการโต้แย้งไปว่า การพิจารณาเรียกเก็บอากร AD จะเรียกเก็บเพิ่มขึ้นได้ เพียงแค่ใช้ขจัดความเสียหายที่เกิดขึ้น และจะเกินกว่าส่วนเหลื่อมการทุ่มตลาดไม่ได้ ซึ่งหมายความว่า การเรียกเก็บอากร AD จะทำได้แค่ขึ้นภาษีเท่ากับความเสียหายที่เกิดขึ้น จะเก็บมากกว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะผิดกฎของความตกลงว่าด้วยการตอบโต้การทุ่มตลาดขององค์การการค้าโลก (WTO) และขอให้ปากีสถานใช้อัตราอากร AD เพื่อขจัดความเสียหาย ซึ่งมีอัตราอยู่ที่ 1.64% ของราคา C&F และในที่สุด ปากีสถานก็ได้พิจารณาตามที่กรมฯ ได้เสนอไป

“การเปลี่ยนแปลงอัตราอากร AD ดังกล่าว ทำให้สินค้าของไทยถูกเรียกเก็บอากร AD ลดลงจาก 14.25% ลงมาอยู่ที่ 1.64% ทำให้ไทยเป็นประเทศที่ถูกเรียกเก็บอากร AD ต่ำสุด เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ส่งผลให้ไทย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกสินค้าดังกล่าวไปปากีสถานรายใหญ่เป็นลำดับที่ 2 ได้เปรียบคู่แข่งขัน เช่น บราซิล ถูกเรียกเก็บ 35.93% จีน 21.90% ญี่ปุ่น 39.10% และอินโดนีเซีย ที่เป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ถูกเก็บที่ 20.66% ส่งผลให้ไทยได้เปรียบทางการแข่งขันและสามารถขยายตลาดได้เพิ่มขึ้น” นายอดุลย์กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า หนังสือที่บริษัท ดั๊บเบิ้ลเอ 1991 จำกัด (มหาชน) ส่งถึงกรมการค้าต่างประเทศ ลงนามโดยนายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการบริหาร มีใจความโดยสรุปว่า บริษัทซึ่งเป็นผู้ส่งออกกระดาษดั๊บเบิ้ลเอ ไปจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ ได้ถูกปากีสถานตัดสินเรียกเก็บอากร AD ในอัตรา 14.25% แต่สำนักปกป้องและตอบโต้ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ ได้พิจารณาตามหลักการและเหตุผลเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ และได้ทำการชี้แจงไปยังปากีสถาน เพื่อให้พิจารณาทบทวน และในที่สุด ผลการพิจารณาทบทวนก็ออกมาตามที่ได้โต้แย้งไป


โดยบริษัท ได้ย้ำว่า กรมการค้าต่างประเทศทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ มีผลทำให้บริษัทสามารถลดปัญหาและอุปสรรค และมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดได้อย่างเป็นธรรมและอยู่ภายใต้เหตุผลที่ถูกต้อง บริษัทรู้สึกซาบซึ้งในการดำเนินการดังกล่าว จึงได้ทำหนังสือขอบคุณ และหวังว่า ด้วยศักยภาพด้านการแข่งขันและการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นแรงผลักดันส่งเสริมให้สินค้าไทยและตราสินค้าไทย สามารถสร้างรายได้และชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้