ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจคนไทยหนี้ครัวเรือนพุ่ง 606,378 บาท/ครัวเรือน สูงสุดในรอบ 16 ปี เหตุรายได้ไม่พอ ค่าครองชีพพุ่ง มีแนวโน้มผิดนัดชำระหนี้สูงหลังเศรษฐกิจไม่ดี รายได้ลด ตกงาน จี้รัฐหาปมการเป็นหนี้ให้ได้แล้วแก้แบบระยะยาว เชื่อดิจิตอลวอลเลตช่วยดึงกำลังซื้อเงินหมุน 2 รอบทำ GDP ปี 2567 แตะ 2.5%
วันที่ 10 กันยายน 2567 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยกล่าวว่า จากผลสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 1,300 ตัวอย่าง ในช่วงวันที่ 1-7 กันยายน 2567 พบว่าโครงสร้างครัวเรือนเล็กลง รายได้ของแต่ละครัวเรือนเฉลี่ยอยู่ที่ 50,000-100,000 บาท
โดยกว่า 48% ไม่มีการเก็บออม ส่วนคนที่เก็บออมอยู่แล้วพบว่าในปีนี้มีการเก็บออมน้อยลง เนื่องจากมีหนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 606,378 บาท/ครัวเรือน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8.4% หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 18,787.38 บาท/เดือน สูงสุดเป็นประวัติการตั้งแต่สำรวจมาในช่วง 16 ปี (2552-2567) และยังสูงสุดเป็นอันดับ 7 ของโลก หรืออยู่ที่ 90.4-90.8% ของ GDP ประเทศ โดยส่วนใหญ่เป็นหนี้บัตรเครดิต โดยกลุ่มรับราชการเป็นหนี้อยู่ในอันดับ 1
ซึ่งสาเหตุมาจากรายได้ที่ไม่เพียงพอ มีเหตุฉุกเฉิน และจำเป็นที่ต้องกู้ยืมจากแหล่งเงิน โดยส่วนใหญ่พึ่งพาเงินสดจากบัตรเครดิต จำนำทรัพย์สิน รวมถึงการกู้ยืมนอกระบบ และแน่นอนว่าค่าครองชีพที่แย่ลงยังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบันด้วยเช่นกัน
ส่วนพฤติกรรมการใช้จ่ายของครัวเรือน พบว่าส่วนใหญ่ยังคงใช้ในเรื่องของซื้ออาหารและเครื่องดื่ม ตามมาด้วยค่าเดินทาง ค่าที่อยู่อาศัย ของใช้ส่วนตัว ค่ารักษาพยาบาล แต่ก็มีถึง 64.5% ที่การใช้จ่ายไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ และก็มีอีกกว่า 47.7% ที่ใช้จ่ายเกินตัว
นอกจากนี้ ยังพบอีกว่ากว่า 71.6% เคยผิดนัดชำระหนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี รายได้ลดลง มียอดชำระเพิ่มจากอัตราดอกเบี้ย รวมถึงตกงาน และในปีนี้ก็มีแนวโน้มว่าจะผิดนัดชำระหนี้เช่นเดิม เพราะยังมองว่าเศรษฐกิจยังไม่ดี รายได้ไม่สอดคล้องกับราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้น
สำหรับการแก้หนี้ระยะยาวควรให้ความรู้เรื่องวางแผนการใช้จ่าย หาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพิ่มรายได้ ให้ความรู้ในการบริหารหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ เป็นต้น
“การที่รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการลดภาระหนี้ครัวเรือนถือเป็นเรื่องที่ดี และควรหาเหตุผลให้ได้ว่าคนไทยเป็นหนี้จากอะไร แล้วมาช่วยปรับโครงการหนี้ อยากให้รัฐบาลเอาเรื่องคลินิกแก้หนี้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้รู้ว่าหนี้ประชาชนเกิดจากส่วนใหญ่ เพื่อจะได้หามาตรการเข้าไปช่วยเหลือให้ตรงจุด เช่น การพักหนี้พักแล้วหนี้ลดลงหรือไม่ การลดดอกเบี้ยลดแล้วผลจะเป็นอย่างไร หากแก้หนี้ได้บวกกับดิจิตอลวอลเลตเชื่อว่าปี 2567 GDP โตได้ 2.8% และปี 2568 โตได้ 3.5%”