“พาณิชย์” เตรียมหารือเอกชน รับมือสหรัฐเริ่มไต่สวนมาตรา 232 ขึ้นภาษีนำเข้ายานยนต์-ชิ้นส่วน

เเฟ้มภาพ

“พาณิชย์”เตรียมเชิญเอกชนหารือ รับมือกรณีสหรัฐฯ เริ่มกระบวนการไต่สวนตามมาตรา 232 เพื่อขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ตามรอยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมก่อนหน้านี้ ยันมีแผนติดตามและเตรียมมาตรการรับมืออย่างใกล้ชิด ป้องกันส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์และส่งออกยานยนต์ไทยไปสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบ

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจัดประชุมหารือหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมรับมือกรณีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศเริ่มกระบวนการไต่สวนตามมาตรา 232 ของกฎหมาย Trade Expansion Act ปี 1962 ของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2561 ที่ผ่านมา เพื่อขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภายใน ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงสหรัฐฯ โดยหากผลการไต่สวนมีมูล ก็อาจส่งผลให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัดสินใจขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนจากประเทศต่างๆ เช่นเดียวกับที่ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมไปแล้ว

“กระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์การใช้มาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมวางแผนรับมือ และบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพราะสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ลำดับ 1 ของไทย และยังเป็นตลาดส่งออกยานยนต์ลำดับที่ 11 ด้วย”

ทั้งนี้ การส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ไปสหรัฐฯ มีมูลค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2555-2560) 2,750 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี คิดเป็น 14.5% ของมูลค่าการส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์โดยรวมของไทย โดยชิ้นส่วนยานยนต์ที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ เช่น ยางล้อ เครื่องยนต์ แผงคอนโซล ถุงลมนิรภัย ฝาสูบ พวงมาลัย ส่วนประกอบของเครื่องสูบของเหลว เพลา และมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นต้น

ขณะที่การส่งออกยานยนต์ รวมถึงรถบัส รถยนต์ รถบรรทุก รถเทรลเลอร์ รถมอเตอร์ไซด์ แชสซีล์ และตัวถังรถ มีมูลค่าเฉลี่ย 5 ปี (2555-2560) 372 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 2% ของมูลค่าการส่งออกโดยรวมของไทย โดยสินค้ายานยนต์ที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ เช่น รถยนต์นั่งขนาดเล็ก (มากกว่า 1,000 CC แต่ไม่เกิน 1,500 CC) รถมอเตอร์ไซด์ รถบรรทุก รถพ่วง รถดัมพ์ เป็นต้น ในขณะที่สหรัฐฯ นำเข้ายานยนต์และชิ้นส่วนจากไทยเป็นลำดับที่ 18 โดยมีสัดส่วนไม่ถึง 1% ของการนำเข้าของสหรัฐฯ จากทั่วโลก ซึ่งแหล่งนำเข้าที่สำคัญของสหรัฐฯ คือ เม็กซิโก แคนาดา ญี่ปุ่น เยอรมัน เกาหลีใต้ จีน และ สหราชอาณาจักร เป็นต้น

ปัจจุบันไทยอยู่ระหว่างการหารือกับสหรัฐฯ เพื่อขอให้สหรัฐฯ ยกเว้นการใช้มาตรการ 232 ขึ้นภาษีสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมนำเข้าจากไทยเป็นรายประเทศ และในระหว่างนี้ กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าต่างประเทศ ได้ช่วยผู้ส่งออกแก้ไขปัญหา โดยได้ประสานผู้นำเข้า ซึ่งเป็นบริษัทคู่ค้าในสหรัฐฯ เพื่อดำเนินการยื่นขอยกเว้นจากการถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าเป็นรายการสินค้าตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ กำหนด ซึ่งบริษัทที่มีการยื่นคำขอดังกล่าวได้รับการพิจารณายกเว้นจากการถูกเรียกเก็บภาษีตามที่ร้องขอแล้ว