ครบรอบสถานปนากรมประมง 98 ปี ลุยนโยบายด่วน ดันไทยเป็นครัวโลก

ครบรอบสถานปนากรมประมง 98 ปี

ครบรอบวันสถาปนากรมประมง ปีที่ 98 มุ่งส่งเสริมอาชีพให้เกษตรกรภาคการประมง ตอบโจทย์นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลด้านความมั่นคงด้านอาหารพร้อมดันไทยเป็นครัวโลก

วันที่ 20 กันยายน 2567 นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงานครบรอบวันสถาปนากรมประมง ปีที่ 98 ภายใต้หัวข้อ “98 ปีนวัตกรรมการประมงไทย ก้าวไปสู่ความมั่งคั่ง และยั่งยืน”

โดยมีนายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ ห้องประชุมอานนท์ พร้อมร่วมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเนื่องในวันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2567 กว่า 1.2 ล้านตัว ผ่านระบบออนไลน์ลงสู่ 4 แหล่งน้ำสำคัญ ได้แก่ กว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา, บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์, หนองหาร จังหวัดสกลนคร และเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี และอีก 15.4 ล้านตัว 77 จังหวัดทั่วประเทศ

นายอัครากล่าวว่า ภาคการประมงนับได้ว่ามีบทบาทสำคัญยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและการทำประมงโดยการจับจากธรรมชาติ ก่อให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากมาย ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ ตลอดจนสร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่ประชากรของประเทศไทยและประชากรโลก

อีกทั้งยังได้ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาภาคการประมงของไทยมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำควบคู่ไปกับการเพิ่มผลผลิตและฟื้นฟูระบบนิเวศในแหล่งน้ำธรรมชาติให้เกิดความยั่งยืน

ADVERTISMENT

พร้อมทั้งสนับสนุนองค์ความรู้จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าประมงไทยตลอดห่วงโซ่การผลิตให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล

ส่งผลให้ในปี 2566 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคการประมงของประเทศไทย ในปี 2566 มีมูลค่าสูงถึง 126,240 ล้านบาท และสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้ถึง 1.47 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 211,280 ล้านบาท

ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2567 จะมีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น และกรมประมงยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการผลิตและสนับสนุนความต้องการของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“การดำเนินงานของกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมประมง มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ โดยผลงานที่ผ่านมาสามารถตอบรับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ทั้งในเรื่องความมั่นคงด้านอาหารและการผลักดันการเป็นครัวโลกได้ นอกจากนี้ สินค้าประมงยังเป็นสินค้าที่ส่งออกไปทั่วโลก ถือเป็น Soft Power ที่เป็นจุดแข็งของกระทรวงเกษตรฯ อย่างไรก็ตาม กรมประมงมุ่งที่จะส่งเสริมอาชีพให้เกษตรกร

ส่งเสริมการเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมทางด้านการประมง ทั้งการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ และการส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกด้วย รวมถึงสินค้าฮาลาล เพื่อส่งออกไปยังประเทศฝั่งตะวันออกกลาง ที่จะเป็นสินค้าที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยต่อไป” นายอัครากล่าว

ด้านนายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ปัจจุบันการประมงในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เดิมเป็นการประมงที่พึ่งพิงการดักจับสัตว์น้ำเพื่อการบริโภคในครัวเรือนเป็นหลัก จนกลายมาเป็นอุตสาหกรรมการประมงขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาท ทั้งจากการประมง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ อุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำ และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง

จึงนับว่าด้านการประมงมีความสำคัญในเศรษฐกิจของประเทศ และที่สำคัญผลผลิตการประมงของไทยได้กลายเป็นแหล่งอาหารสำคัญของคนไทยและทั่วโลก