
นบขพ. เคาะมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาและส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2567/68 ภายใต้วงเงิน 320 ล้านบาท พร้อมยังคงมาตรการ 3 ต่อ 1 การนำเข้าข้าวโพด ภายใต้ AFTA ผู้นำเข้าทั่วไปนำเข้าได้ในช่วง 1 ก.พ.-31 ส.ค. 2568 และจะเสนอเข้า ครม. เห็นชอบต่อไป
วันที่ 27 กันยายน 2567 นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ซึ่งมี นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในที่ประชุม ได้เห็นชอบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี’67/68 จำนวน 2 โครงการ และเพิ่มช่องทางการตลาด จำนวน 1 โครงการ โดยมีวงเงิน 113.17 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องของสถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกร โดยไม่เร่งระบายผลผลิต รวมถึงรักษาเสถียรภาพราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมาก
ซึ่งจะส่งผลให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เกษตรกรขายได้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และมาตรการส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน 2 โครงการ วงเงิน 207.54 ล้านบาท เพื่อให้เกษตรกรมีเงินทุนในการพัฒนาการผลิตของตนเอง โดยใช้เทคโนโลยีที่ เหมาะสม และลดต้นทุนการผลิต รวมงบประมาณทั้งสิ้น 320.71 ล้านบาท อย่างไรก็ดี มาตรการทั้งหมดจะมีการนำไปหารือกับสำนักงบประมาณพิจารณา และจะได้นำเสนอ เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงเดือนตุลาคมให้ความเห็นชอบต่อไป โดยโครงการที่เห็นชอบมีดังนี้
1.โครงการชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสต๊อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2567/68 วงเงิน 26.67 ล้านบาท โดยจะชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ 4% ต่อปี ตามระยะเวลาที่เก็บสต๊อก 60-120 วัน ระยะเวลารับซื้อ ตั้งแต่ พ.ย. 67-ม.ค. 2568
2.โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี 2567/68 วงเงิน 35 ล้านบาท ซึ่ง ธ.ก.ส. จะสนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รับซื้อ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกร คิดดอกเบี้ยเงินกู้ 4.50% ต่อปี สถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย 1% ต่อปี และรัฐบาลสนับสนุนดอกเบี้ยแก่ ธ.ก.ส. 3.50% ต่อปี (ไม่เกิน 12 เดือน) เริ่มจ่ายสินเชื่อ ตั้งแต่ ครม. มีมติอนุมัติ-31 พ.ค. 2568
3.โครงการเพิ่มช่องทางการตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี’67/68 วงเงิน 51.50 ล้านบาท โดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) หรือผู้รับซื้อ นอกพื้นที่เข้าไปรับซื้อในพื้นที่ที่ผลผลิตออกมาก กระจายไปสู่ผู้ใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้อย่างรวดเร็ว ลดการ กระจุกตัวของผลผลิต ซึ่ง อคส. จะสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 3% (3 เดือน) และผู้รับซื้อได้รับสนับสนุน ค่าบริหารจัดการ ไม่เกิน 500 บาท/ตัน เริ่มรับซื้อตั้งแต่ ต.ค. 67-31 ม.ค. 2568
4.โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2567-68 วงเงิน 138 ล้านบาท
โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่เกษตรกรนำไปใช้เป็นเงินทุนในการเพิ่มผลิตภาพการผลิตและคุณภาพ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อาทิ ระบบน้ำหยด วงเงินรายละไม่เกิน 230,000 บาท เป้าหมาย 10,000 ราย รัฐบาลชดเชย ดอกเบี้ย 3% ต่อปีเริ่มจ่ายสินเชื่อ ตั้งแต่วันที่ ครม. มีมติอนุมัติ-30 ก.ย. 68
5.โครงการส่งเสริมพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ประเทศไทย (ปีที่ 1) วงเงิน 69.54 ล้านบาท โดยกรมส่งเสริมการเกษตรอบรมถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกรและจัดทำแปลงเรียนรู้ในการเพิ่ม ประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปรับเปลี่ยนการปลูกพืชเป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา เป้าหมาย เกษตรกร 37,440 ราย ในพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน 32 จังหวัด เริ่มดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ ครม. มีมติอนุมัติ-30 ก.ย. 68
ขณะที่ มาตรการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และวัตถุดิบทดแทนยังคงมาตรการเดิม โดยการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายใต้ AFTA ผู้นำเข้าทั่วไปนำเข้าได้ในช่วง 1 ก.พ.-31 ส.ค. 2568
สำหรับการนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน ต้องรับซื้อข้าวโพดในประเทศ 3 ส่วน ให้ใช้การรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ ตั้งแต่ 1 ส.ค. 67 เป็นต้นไป มาแสดงประกอบการขออนุญาตนำเข้าข้าวสาลีในปี 2568 โดยจะมีคณะอนุกรรมการในการติดตามสถานการณ์ด้านการตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และวัตถุดิบทดแทน ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ เกษตรกร และเอกชน ร่วมเป็นอนุกรรมการ เพื่อให้การบริหารจัดการการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และวัตถุดิบทดแทนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยยึดหลักสมดุลเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่ายในห่วงโซ่การผลิต