KResearch มอง P2P ลดเวลาคืนทุนโซลาร์เซลล์-ค่าไฟ แต่ยังท้าทาย

KResearch Solar Cell P2P ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองการซื้อขายพลังงาน P2P ช่วยลดเวลาคืนทุนการติดตั้งโซลาร์เซลล์ และลดค่าไฟสูงสุด 30% ต่อปี แต่ยังเป็นความท้าทาย เพราะต้องพัฒนากฎระเบียบ ลดต้นทุน และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่จำเป็นก่อน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า การซื้อขายพลังงานแบบ Peer-to-Peer (P2P) เป็นระบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตและผู้บริโภค (Prosumer) พลังงานรายย่อยสามารถซื้อขายพลังงานกันได้โดยตรง เป็นการกระจายกำลังการผลิตพลังงานแบบไร้ศูนย์กลาง งานวิจัยนี้เป็นการศึกษารูปแบบการซื้อขายพลังงานระบบ P2P รวมถึงเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสีย ในการนำระบบการจัดการพลังงานแบบนี้มาใช้ในประเทศไทย

เวลาคืนทุนของระบบโซลาร์เซลล์ในประเทศไทย

โดยในสภาพอากาศที่เหมาะสม แผงโซลาร์เซลล์ในประเทศไทย สามารถผลิตพลังงานได้ระหว่าง 5.02 ถึง 6.05 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อกิโลวัตต์ของแผงโซลาร์ แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 5 กิโลวัตต์สามารถผลิตพลังงานได้สูงสุดถึง 10,470.9 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี หรือเทียบเท่ากับมูลค่าพลังงาน 44,187 บาทต่อปี (คิดอัตราค่าไฟฟ้า 4.22 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง)

​ อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงกำลังการผลิตพลังงานจากโซลาร์เซลล์อาจลดลง จากปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพอากาศ ความชื้น และฝุ่นละออง ระบบแผงโซลาร์เซลล์ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) จะเห็นได้ว่าเวลาคืนทุนจะอยู่ที่ 4-8 ปี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าการทำระบบซื้อขายพลังงานแบบ P2P อาจจะมาช่วยลดเวลาคืนทุนได้อีก

การซื้อขายพลังงานแบบ P2P คืออะไร ?

P2P ย่อมาจากคำว่า Peer-to-Peer เป็นระบบการซื้อขายพลังงานระหว่างบุคคลกับบุคคล ที่เกิดขึ้นได้จากการกระจายกำลังการผลิตพลังงานไฟฟ้าแบบไร้ศูนย์กลาง โดยช่วยให้ผู้ใช้งานพลังงานรายย่อยเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดพลังงานในฐานะผู้ผลิตที่มักเรียกว่า “การผลิตโดยผู้บริโภค” หรือ Prosumer (Producer+Consumer)

​การซื้อขายพลังงานแบบ P2P ต่างจากระบบเครือข่ายกลางในหลาย ๆ ประเทศ ที่พลังงานจะถูกส่งจากผู้ผลิตขนาดใหญ่รายเดียวไปยังผู้บริโภค แต่การซื้อขายแบบ P2P จะช่วยให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคสามารถแลกเปลี่ยนพลังงานส่วนเกินซึ่งกันและกันได้โดยตรง และลดการพึ่งพาผู้ผลิตรายใหญ่ นอกจากนั้น ยังส่งผลให้ค่าใช้จ่ายของพลังงานไฟฟ้าถูกลง

Advertisment

ปัจจุบันระบบการซื้อขายพลังงานแบบ P2P เป็นแนวทางใหม่ที่ยังไม่แพร่หลายไปทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ระบบการซื้อขายพลังงานแบบ P2P อาจจะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของพลังงานหมุนเวียนและลดค่าไฟฟ้าให้ผู้บริโภคในประเทศไทยได้

ข้อดีและข้อเสียของระบบการซื้อขายพลังงานแบบ P2P

ข้อดี

Advertisment

1. ลดต้นทุน : การซื้อขายพลังงานแบบ P2P มีส่วนช่วยลดค่าไฟ โดยจากการทดลองในโครงการ Quartierstrom พบว่าค่าใช้จ่ายไฟลดลงได้ 8.9% แต่อาจจะลดได้สูงถึง 30% หากพิจารณาโครงการ Cleanwatts และ SonnenCommunity

2. การกระจายต้นทุน : ระบบการซื้อขายพลังงานแบบ P2P สามารถกระจายต้นทุนในการสร้างระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น แทนที่จะให้รัฐบาลลงทุน 6.5 พันล้านดอลลาร์ สำหรับฟาร์มพลังงานลมนอกชายฝั่งขนาด 1 GW เพียงแห่งเดียว สามารถใช้เงินลงทุนจำนวนเดียวกันนี้เป็นส่วนลดภาษี หรือเงินอุดหนุนด้านพลังงานแสงอาทิตย์ แก่ครัวเรือนหนึ่งล้านครัวเรือน สำหรับผลิตพลังงานในปริมาณที่เท่ากันได้

3. ความเป็นอิสระด้านพลังงานที่เกิดจากการผลิตและบริโภคพลังงานด้วยตนเอง : ช่วยเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ผู้บริโภค เนื่องจากไม่ต้องพึ่งพาแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าเพียงแหล่งเดียว โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟฟ้าดับ หรือสายส่งขาด เนื่องจากแบตเตอรี่สามารถทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานสำรองได้

ข้อเสีย

1. ต้นทุนสูง : แม้ว่าการลงทุนในพลังงานสะอาดจะนำมาซึ่งผลตอบแทนในระยะยาว แต่ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูงเมื่อเทียบกับการใช้ไฟฟ้าจากระบบเดิม

2. ข้อจำกัดด้านการจัดเก็บพลังงาน : การขาดแคลนแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพและราคาถูก ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากการใช้พลังงานหมุนเวียนจำเป็นต้องมีระบบจัดเก็บพลังงาน เพื่อรองรับความผันผวนของการผลิต

3. ความซับซ้อนทางเทคโนโลยี : การใช้งานระบบพลังงานแบบ P2P อย่างเต็มรูปแบบ จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น มิเตอร์อัจฉริยะ และอุปกรณ์ IOT ดังนั้น การขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการนำระบบ P2P ไปใช้งาน

ระบบ P2P สามารถนำมาปรับใช้กับประเทศไทยได้หรือไม่

การติดตั้งโซลาร์เซลล์ในประเทศไทยจะมีความคุ้มค่า และสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้มาก และถ้าหากมีระบบการซื้อขายพลังงานแบบ P2P ในประเทศไทย โดยผู้ที่มีระบบโซลาร์เซลล์สามารถขายพลังงานส่วนเกินให้กับผู้บริโภคคนอื่น ๆ ได้ จะช่วยลดระยะเวลาคืนทุน เพิ่มประสิทธิภาพของพลังงานหมุนเวียนและลดค่าไฟฟ้าให้ผู้บริโภคได้

อย่างไรก็ตาม การพิจารณาลงทุนควรคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ด้วย เช่น ราคาของระบบโซลาร์เซลล์ ระยะเวลาคืนทุน และความเป็นไปได้ในการซื้อขายพลังงานแบบ P2P