กองทุนน้ำมัน ติดลบ 9.2 หมื่นล้าน เริ่มจ่ายหนี้ก้อนแรก-อีก 4 ปีใช้คืนหมด

น้ำมัน

ข่าวดี กองทุนน้ำมันฯติดลบต่ำแสนล้านแล้ว เผยสภาพคล่องดีต่อเนื่อง เงินไหลเข้ากว่า 7,000 ล้านต่อเดือน เหลือติดลบ 92,041 ล้าน เตรียมจ่ายหนี้เงินต้นก้อนแรก 139 ล้าน เดือน พ.ย.นี้ มั่นใจจ่ายหนี้หมดเดือน ก.ย. 2571 ด้านมติ ครม. ไม่ต่ออายุมาตรการตรึงราคาดีเซล 33 บาทต่อลิตร หลังสิ้นสุด 31 ต.ค. 67 ส่งต่อ กบน.พิจารณา ยันจะตรึงไว้ไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ชี้หากราคาน้ำมันโลกพุ่ง 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อาจต้องปรับขึ้น

นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) กล่าวว่า กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงดำเนินการรักษาเสถียรภาพระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง ตามพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 เพื่อให้ราคาขายปลีกปรับลดลงสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลช่วงระหว่างเดือนกันยายน 2566 ถึงมีนาคม 2567 รัฐบาลได้กลับไปตรึงราคาดีเซลที่ 30 บาท/ลิตร หลังจากที่ได้ขยับเพดานอยู่ที่ 32 บาท/ลิตร ก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกันมีการลดการจัดเก็บเงินในกลุ่มน้ำมันเบนซินลง 1 บาท/ลิตร เพื่อลดราคาขายปลีกลง 1 บาท ในช่วงพฤศจิกายน 2566-มกราคม 2567 ทำให้รายรับของกองทุนน้ำมันฯน้อยลง โดยที่กองทุนน้ำมันฯยังต้องให้การอุดหนุนราคาน้ำมันอยู่ ส่วนก๊าซ LPG ก็ถูกตรึงราคาตลอดปี ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 423 บาท/ถังขนาด 15 กก.

ปัจจุบันราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลยังคงไว้ที่ 33 บาท/ลิตร แม้จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ไม่ได้เสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่ออายุมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้ กบน.จะเป็นผู้พิจารณาการใช้กลไกเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงบริหารจัดการราคาน้ำมันดีเซลผ่านการบริหารเงินกองทุน เพื่อให้ราคาจำหน่ายดีเซลคงไว้ที่ราคาไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร

แต่หากราคาน้ำมันโลกขยับขึ้นเกิน 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล กบน.อาจจำเป็นต้องปล่อยให้มีการปรับราคาดีเซลเกิน 33 บาทต่อลิตรได้ และหากราคาน้ำมันโลกปรับลดลง ก็อาจพิจารณาปรับลดราคาน้ำมันดีเซลได้ด้วย

ทั้งนี้ ปัจจุบันกองทุนเรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลส่งเข้ากองทุนอยู่ 1.72 บาทต่อลิตร หากราคาน้ำมันโลกขยับสูงขึ้น เบื้องต้นจะทยอยลดเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลลงก่อนตามอัตรา จากนั้นอาจนำเงินกองทุนมาชดเชยราคาดีเซล แต่หากราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงต่อเนื่อง จนเกินกว่าสถานะกองทุนจะแบกรับไหว อาจจะต้องพิจารณาปรับขึ้นราคาดีเซลต่อไป

Advertisment

“ถ้าราคาน้ำมันโลกขยับขึ้นเกิน 100 เหรียญ ก็อาจจะต้องปรับราคาดีเซลเกิน 33 บาทต่อลิตร ทุกครั้งที่มีการปรับเปลี่ยนการเก็บอัตราดีเซลจะต้องมีการนำเข้าที่ประชุม ครม. แต่ตอนนี้เราคงอัตราขายปลีกดีเซลไว้ที่ 33 บาทต่อลิตร ตามมติ ครม.ต่อ เราไม่มีอำนาจในการปรับราคาขาย แต่มีอำนาจในการปรับอัตราเพื่อให้บริหารจัดการความเหมาะสมราคาขายปลีกได้”กองทุนน้ำมัน

ติดลบต่ำกว่าแสนล้าน

สถานะกองทุนเริ่มดีขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม 2567 เป็นต้นมา โดยตั้งแต่วันที่ 22 กันยายนเริ่มมีสถานะติดลบลดลง จากระดับที่เคยติดลบกว่าแสนล้านบาท โดยสถานะกองทุน ณ วันที่ 27 ตุลาคม 2567 กองทุนน้ำมันฯติดลบ 92,041 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันติดลบ 44,564 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 47,477 ล้านบาท โดยในปี 2567 กองทุนเคยติดลบต่ำสุดอยู่ที่ 80,074 ล้านบาท เมื่อเดือน ม.ค. 2567 และติดลบสูงสุดอยู่ที่ 111,663 ล้านบาท ในเดือน ก.ค. 2567 สาเหตุที่ยอดเงินติดลบปรับลดลงต่อเนื่อง

Advertisment

เนื่องจากคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้เร่งเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันทุกชนิดเพื่อส่งเข้ากองทุนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา กองทุนน้ำมันฯได้หยุดชดเชยราคาดีเซล และหันกลับมาเรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลส่งเข้ากองทุนแทน ขณะเดียวกัน กบน.ก็เรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ส่งเข้ากองทุนในอัตราสูง มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 2-3 ปีแล้ว ส่วนราคา LPG ขณะนี้ยังไม่สูงมากนัก

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกองทุนมีเงินไหลเข้าสุทธิ 231.29 ล้านบาทต่อวัน หรือ 7,170 ล้านบาทต่อเดือน โดยแบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน 229 ล้านบาทต่อวัน หรือ 7,108 ล้านบาทต่อเดือน และบัญชี LPG เป็นบวกเล็กน้อยประมาณ 2.02 ล้านบาทต่อวัน หรือ 62 ล้านบาทต่อเดือน

คาดใช้หนี้เงินกู้หมด ก.ย.ปี’71

กองทุนจะต้องจ่ายหนี้ที่กู้จากสถาบันการเงินทั้งสิ้น 105,333 ล้านบาท วงเงินกู้ 18 งวด โดยเริ่มทยอยชำระหนี้เงินต้นงวดแรกวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ประมาณ 139 ล้านบาท รวมกับดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทุกเดือนประมาณ 250-300 ล้านบาท ซึ่งหนี้เงินต้นจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 298 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 โดยเงินต้นสูงสุดที่ต้องจ่ายในเดือนตุลาคม 2567 อยู่ที่ 2,926 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เงินต้นจะเริ่มจ่ายคืนตามสัญญาภายใน 3 ปี และมีกรอบสิ้นสุดระยะเวลาคืนหนี้ภายใน 5 ปี โดยเงินกู้ทั้งหมดจะต้องคืนครบภายในปี 2571-2572 กองทุนจึงจำเป็นต้องมีเงินไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง และหากการเก็บเงินเข้ากองทุนยังคงอยู่ที่ระดับ 7,000-9,000 ล้านบาทต่อเดือน ก็จะมีเงินเพียงพอในการชำระเงินต้นสูงสุดในเดือนตุลาคม 2567 ได้ ทั้งนี้มั่นใจว่าจะสามารถชำระหนี้เงินกู้เสร็จสิ้นในเดือนกันยายน 2571

ยันสงครามไม่กระทบระยะยาว

สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในรอบปีที่ผ่านมา เฉลี่ยราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 81.68 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้อยกว่าปีงบประมาณก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 83.49 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนน้ำมันดีเซลเฉลี่ยอยู่ที่ 102.01 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เทียบกับปีก่อนหน้าอยู่ที่ 112.90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันเบนซินเฉลี่ย 95.12 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เทียบกับปีก่อนหน้า 99.60 เหรียสหรัฐ/บาร์เรล แม้เฉลี่ยราคาน้ำมันดีเซลจะลดลง แต่ก็ยังอยู่ในอัตราที่สูงเกิน 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งแม้สถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในรอบปีที่ผ่านมา เฉลี่ยราคาโดยรวมลดลง และราคาน้ำมันดีเซลเฉลี่ยลดลง แต่ก็ยังอยู่ในอัตราที่สูงเกิน 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ปัจจัยหลักมาจากสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเชีย-ยูเครน และสงครามระหว่างอิสราเอล-ฮามาสที่ยืดเยื้อ แต่จะไม่กระทบในระยะยาว ทำให้ราคาไม่มีความผันผวนมากนัก หากอิสราเอลเปลี่ยนการจู่โจมยิงคลังนิวเคลียร์ของอิหร่าน และอิหร่านตอบโต้โดยการปิดช่องแคบฮอร์มุซ อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกรุนแรงได้ นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจของโลก โดยเฉพาะประเทศจีนที่เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ความต้องการบริโภคน้ำมันลดลง

ร่างแผนวิกฤตน้ำมัน 5 ปี

ทั้งนี้ การดำเนินงานของกองทุนน้ำมันฯในปีงบประมาณ 2568 ยังจำเป็นต้องดำเนินการรักษาเสถียรภาพระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง ตามพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 รวมถึงมีภารกิจสำคัญในการชำระหนี้เงินกู้ยืมทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยจากสถาบันการเงิน โดยจะเริ่มชำระเงินต้นในเดือนพฤศจิกายน 2567 และเพิ่มการผ่อนชำระหนี้เงินต้นขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละเดือนตามวงเงินกู้ยืม ตลอดจนการติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกที่ยังคงมีความผันผวน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของกองทุนน้ำมันฯ

ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯต้องเรียกเก็บเงินไว้ในช่วงที่ยังมีภาระหนี้เงินกู้ยืมเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะจัดทำแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2568-2572 แทนแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562-2567 และจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป ส่วนการดำเนินการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรรหา คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคม 2567